วอล-มาร์ท บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลกปรับลดการคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ลง

          วอล-มาร์ท สโตร์ส อิงค์ (Wal-Mart Stores Inc.) ปรับลดการคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ลง เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ 2 การใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐและต่างประเทศเกิดการชะลอตัว
          นักวิเคราะห์กล่าวว่า วอล-มาร์ท ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาแผนการตลาดของบริษัท นอกจากนั้นยังเสียเปรียบคู่แข่งรายอื่นๆ เช่น ทาร์เก็ต กรุ๊ป คอร์ป (Target Corp.) ในการทำยอดขายในหมู่ผู้บริโภคที่มีเงินจำกัด บริษัทจึงหันมาให้ความสำคัญกับการลดราคาสินค้า มากกว่าการดึงดูดลูกค้ากระเป๋าหนักเข้าสู่ร้าน
          แพทริเซีย เอ็ดเวิร์ดส นักวิเคราะห์ธุรกิจค้าปลีกจากเวนท์เวิร์ธ ฮอเซอร์ แอนด์ ไวโอลิชในซีแอทเทิล กล่าวว่า วอล-มาร์ท กำลังเดินหน้าไปในทางที่ถูกต้องแล้ว "แต่ถ้ามีสินค้าที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม ด้วยเหตุผลที่เหมาะสม ราคาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ"
          ทั้งนี้ วอล-มาร์ทคาดการณ์ว่า ตลอดปีนี้บริษัทจะมีกำไรต่อหุ้นจากการดำเนินงานอยู่ที่ราว 3.05 ดอลลาร์ต่อหุ้น ถึง 3.13 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยก่อนหน้านี้บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีกำไรต่อหุ้นอยู่ระหว่าง 3.15 ดอลลาร์ต่อหุ้น ถึง 3.23 ดอลลาร์ต่อหุ้น
          ในไตรมาสที่ 2 วอล-มาร์ทรายได้ 3.10 พันล้านดอลลาร์ หรือ 76 เซนต์ต่อหุ้น เปรียบเทียบกับรายได้ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วที่ 2.08 พันล้านดอลลาร์ หรือ 50 เซนต์ต่อหุ้น โดยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล คาดการณ์ไว้ที่ 76 เซนต์ต่อหุ้น
          รายได้ในไตรมาสดังกล่าวประกอบด้วย กำไรสุทธิ 171 ล้านดอลลาร์หลังหักภาษี หรือ 4 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นส่วนชดเชยค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายและความไม่แน่นอนอื่นๆ ซึ่งมีมูลค่า 66 ล้านดอลลาร์หลังหักภาษี
          เมื่อคืนนี้ หุ้นของวอล-มาร์ท ลดลง 2.35 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 43.82 ดอลลาร์ สำนักข่าวเอพีรายงาน