นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธนาคารเจพีมอร์แกนและบล.เจพีมอร์แกน(ประเทศไทย)เชื่อว่า ปัญหาจากตลาดซับไพร์มในสหรัฐจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น คาดว่าอีกไม่เกิน 1 เดือนสถานการณ์จะคลี่คลายลง โดยทางการสหรัฐต้องเข้าไปแทรกแซงด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนั้น แม้จะเกิดปัญหาดังกล่าวแต่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโลกไม่น่าจะเข้าขั้นวิกฤติ เพราะยังมีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 3% เนื่องจากเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และเอเซีย ยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งดี จึงทำให้สามารถรองรับปัญหาที่เกิดขึ้นได้
สำหรับตลาดหุ้นของไทยเองก็ยังมีความน่าสนใจที่จะลงทุนอยู่ เพราะพื้นฐานหุ้นที่ดีและมีระดับความปลอดภัยของเงินปันผลอยู่ที่ 4% ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอยู่ที่ระดับ 2% และมี P/E อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหุ้นในประเทศอื่น แต่มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยคงจะไปได้ที่ 810 จุด จากเดิมที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น และ เป้าหมายกลางปี 51 ยังอยู่ที่ 870 จุด
แต่เจพีมอร์แกนได้ปรับราคาเป้าหมายของหลักทรัพย์ 3-4 หมวดเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ และ ก่อสร้าง เป็นต้น
นายวรภัค กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงเป็นเรื่องของ consumer financing โดยดูจากเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีภาระหนี้ภาคครัวเรือนมาก ทำให้ต้องมีมาตรการดูแลเรื่องเงินทุนไม่ให้ไหลออกเร็วเกินไป
ส่วนปัญหาค่าเงินบาทไม่ได้เกิดจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย แต่มาจากผลกระทบของการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และแนวทางการแก้ปัญหาของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ถูกต้องแล้ว แต่มีความเสี่ยงเรื่องเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--