นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวในที่ประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญที่มีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติว่า การกล่าวหาว่ารัฐบาลทำงานไม่สำเร็จนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะรัฐบาลพยายามประคับประคองสถานการณ์ ให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไทยเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ปรับตัวดีขึ้น
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ต่างชาติจับตามองไทยด้วยความชื่นชม และไทยได้รับการประเมินให้เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ได้รับการปรับอัตราการฟื้นฟูได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ จึงอยากให้ทุกคนได้ภาคภูมิใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆ ของรัฐ ดังนั้นนี่คือสิ่งที่เราทำงานร่วมกันมา จนเป็นที่ประจักษ์ของหน่วยงานต่างประเทศ
แต่การชุมนุมทางการเมืองทำให้หลายอย่างมีปัญหา และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจบ้าง โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยอยากให้ทุกคนได้นึกย้อนไปยังเดือนเมษายนที่เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแตกต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
"เดือนเมษายนเรายังไม่เห็นต่าง พอลำบากเมื่อไหร่ มีเหตุการณ์คับขันเราไม่เห็นต่าง แต่วันนี้พอเราสบายตัว ภารกิจยังไม่จบ เราเห็นต่างกันซะแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร รัฐบาลก็ยังจะต้องทำงาน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อไปให้ได้ ดัชนีชี้วัดทุกตัวยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าเกษตร ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ การลงทุนของภาคเอกชน และการส่งออกก็ตาม" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
ส่วนข้อกังวลที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ไม่ต่ออายุมาตรการพักชำระหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนตุลาคมว่า ข้อมูลล่าสุดจากความร่วมมือของรัฐบาลกับสมาคมต่างๆ ได้ช่วยกันพยายามประคับประคองในส่วนนี้ ซึ่งล่าสุดกลุ่มลุกค้าขนาดเล็กที่ห่วงว่าจะประสบปัญหาล้มละลาย สามารถกลับมาประกอบธุรกิจได้ถึง 94% มีเพียง 6% เท่านั้นที่ยังรอการแก้ไขปัญหา
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามเต็มที่ในการฟื้นฟูประเทศและจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งพร้อมจะอดทนร่วมกับทุกๆภาคส่วน ในการช่วยกันแก้ไขวิกฤตให้จบให้ได้และรอให้ผู้ชุมนุมเข้าใจและหันมาเป็นผู้ที่มาร่วมพัฒนาประเทศต่อไป