นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลจะเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.เงินตรา ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งภายใต้กฎหมายดังกล่าวจะช่วยแก้ไขความไม่สมดุลในด้านการบันทึกบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
"ในการตีค่าทุนสำรอง เมื่อเงินบาทอ่อนเราจะได้กำไร ส่วนที่กำไรจะนำไปใส่ไว้ในบัญชีพิเศษ แต่หากเงินบาทแข็ง เราขาดทุนก็จะนำไปในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี แต่กฎหมายใหม่ที่จะออกมา ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไรจะให้นำไปใส่ไว้ในบัญชีพิเศษ เพื่อไม่ให้กระทบบัญชีผลประโยชน์ประจำปี"นายฉลองภพ กล่าว
ก่อนหน้านี้ ธปท.ระบุว่า การแก้ไข พ.ร.บ.เงินตรา มีหลักการและสาระสำคัญเพื่อให้การบริหารจัดการสินทรัพย์ของทุนสำรองเงินตรามีประสิทธิภาพมากขึ้น และสอดคล้องกับพัฒนาการของตลาดการเงินโลก และเพื่อให้การบันทึกบัญชีของทุนสำรองเงินตรามีความเหมาะสมกับภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยการปรับปรุงวิธีการบันทึกบัญชีของทุนสำรองเงินตราตาม พ.ร.บ.เงินตราฉบับใหม่ ให้บันทึกผลกำไรขาดทุน ที่เกิดขึ้นจริงในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี และให้บันทึกกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ในบัญชีสำรองพิเศษ
ทั้งนี้ เพื่อให้การแสดงผลกำไรขาดทุนในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีมีความถูกต้องแท้จริงในแต่ละขณะ และแสดงประสิทธิภาพการบริหารจัดการของ ธปท.ได้อย่างถูกต้อง
สำหรับแนวทางการปรับปรุงระบบการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนบาท รวมทั้งการพิจารณาความเหมาะสมในการแยกตลาดออนชอร์และออฟชอร์ ด้วยการยกเลิกหรือลดสัดส่วนการนำเงินบาทออกไปนอกประเทศจากบัญชีผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศนั้น คาดว่าจะมีการหารือกันในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ โดยจะเน้นมาตรการระยะปานกลาง แต่ในระยะสั้นก็จะดูว่าจะมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไรด้วย
นายฉลองภพ ยังกล่าวถึงผลกระทบของปัญหาซับไพร์มในสหรัฐฯว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยโดยตรง แต่กระทบต่อตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว ณ ขณะนี้เริ่มนิ่งแล้ว ความตกใจก็ลดลง เนื่องจากธนาคารกลางหลักในหลายประเทศออกมาช่วยกัน จึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะลุกลามใหญ่โตออกไปมากกว่านี้
รมว.คลัง กล่าวว่า ส่วน ธปท.จำเป็นต้องอัดฉีดเงินหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ว่าไทยไม่ได้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/นิศารัตน์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--