น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 3/63 จะฟื้นตัวจากไตรมาส 2/63 ที่หดตัว 12.2% เป็นการหดตัวที่ลดลง และไม่ถึง 2 หลักแน่นอน แม้ว่าจะมีปัจจัยทางเศรษฐกิจหลายตัวที่ยังหดตัวอยู่ ซึ่ง ธปท. จะติดตามว่าแรงส่งนี้ว่าจะมีความต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/63 หรือไม่ ถ้ายังไม่มีปัจจัยอะไรสะดุดเศรษฐกิจก็จะเริ่มฟื้นตัว แต่ก็ยอมรับว่ายังมีความเสี่ยงในระยะต่อไปที่ต้องติดตาม
"ตอนนี้การบริโภคภาคเอกชนเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่กำลังซื้อยังมีความเปราะบาง ถ้ามีอะไรมากระทบ ก็จะหดตัวลงไปอีก ยอมรับว่าสถานการณ์ทางการเมือง ก็จะเป็นตัวสร้างความกังวลให้กำลังซื้อของภาคเอกชนสะดุด แต่ขณะนี้ถ้ามองจากแรงส่งในช่วงที่ผ่านมาการบริโภคก็ยังขยายตัวต่อไปได้" น.ส.ชญาวดี กล่าว
นอกจากนี้ ยังต้องจับตามาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติว่าจะทำให้ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดีแค่ไหน และต้องจับตาเรื่องการระบาดของโควิดระลอกใหม่ในต่างประเทศว่ารุนแรงแค่ไหน และมาตรการจัดการว่าจะควบคุมได้ดีแค่ไหน หากดูแลไม่ได้ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ก็จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย
ทั้งนี้ ตามรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของ ธปท. ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3/63 ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระยะเวลาเดียวกันปีก่อน หลังจากหดตัวสูงในไตรมาสก่อน ส่วนหนึ่งจากการประกาศวันหยุดยาวพิเศษชดเชยวันสงกรานต์ และปัจจัยรายได้และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ทยอยปรับดีขึ้น
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำ เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่องและมีบทบาทสำคัญในการพยุงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังคงหดตัวสูงจากผลของมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบน้อยลง ตามอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานเป็นสำคัญ ตลาดแรงงานปรับดีขึ้นบ้าง แต่ยังคงเปราะบาง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากการส่งออกทองคำเป็นสำคัญ