นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 14.79 -14.87 เซนต์/ปอนด์ (10.24 - 10.29 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50 - 1.00 เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากความกังวลกับสภาวะอากาศที่แห้งแล้งในประเทศบราซิลและสหภาพยุโรปอาจทำให้ผลผลิตอ้อยลดลงส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลลดลง ขณะที่มีความต้องการนำเข้าน้ำตาลของประเทศจีนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง อาจส่งผลให้ราคาน้ำตาลทรายดิบปรับลดลงได้ ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 54.15 ? 56.61 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 4.11 ? 8.85 เนื่องจากความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาดน้อยลงจากการขาดแคลนแรงงาน และยางแผ่นรมควันขาดตลาดเนื่องจากเกษตรกรหันไปขายน้ำยางพาราสดกันมากขึ้น
มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.74 - 1.79 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.58 ? 3.47 เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลิตปี 2563/64 ผลผลิตออกสู่ตลาดยังไม่มาก ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในการส่งออกเพิ่มสูงขึ้นจากตลาดประเทศจีนที่ต้องการนำไปทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีปริมาณสต็อกคงเหลือลดลง
ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 5.20 - 5.40 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.20 ? 7.78 เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันปาล์มดิบยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น
สุกร ราคาอยู่ที่ 78.34 ? 78.84 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.66 ? 1.31 เนื่องจากความต้องการสุกรมีชีวิตจากประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีอย่างต่อเนื่องจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ประกอบกับคาดว่าความต้องการเนื้อสุกรภายในประเทศจะเพิ่มขึ้น จากมาตรการวันหยุดเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
และกุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 133.25 ? 134.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนร้อยละ 0.19 ? 0.75 เนื่องจากอากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้กุ้งเจริญเติบโตช้า เกษตรกรชะลอการเพาะเลี้ยงตามการแปรปรวนของภูมิอากาศในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล ในขณะที่ความต้องการของตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับมาตรการวันหยุดเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการกุ้งเพิ่มขึ้น
ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 8,547 - 8,739 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.45 - 3.62 เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปีออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้าข้าวบางส่วนยังคงมีสต็อกข้าวเพียงพอจึงชะลอการนำเข้าข้าว ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 11,180 - 11,433 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.20 - 6.31 ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 12,112 - 12,332 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.61 - 3.36 เนื่องจากการเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญาในช่วงครึ่งปีหลังของประเทศไทย ทำให้ปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าว
โดยคาดว่าผลผลิตข้าวนาปีส่วนใหญ่ที่จะออกสู่ตลาดเดือนพฤศจิกายน 2563 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับโรงสียังคงประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ระบายข้าวหอมมะลิออกสู่ตลาดในช่วงนี้เพื่อรองรับข้าวฤดูกาลใหม่ และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.39 - 7.42 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50 -1.00 เนื่องจากอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่นแรกที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากขึ้น ส่งผลให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดต่อเนื่อง