นักวิเคราะห์ระบุว่า ผู้บริโภคสหรัฐไม่มีความต้องการที่จะซื้อรถยนต์ เนื่องจากต้องจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มขึ้น และวิกฤติการณ์ในตลาดการเงิน ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายได้คาดการณ์แล้วว่า ปี 2550 จะเป็นปีที่ย่ำแย่ที่สุดของตลาดยานยนต์สหรัฐในรอบเกือบทศวรรษ
เจสซี่ โทปราค หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านยานยนต์เว็บไซต์ Edmunds.com เปิดเผยว่า ยอดขายยานยนต์เดือนสิงหาคม ซึ่งผู้ประกอบการยานยนต์จะทยอยเปิดเผยในวันอังคารที่จะถึงนี้ คาดว่า จะร่วงลง 5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2549 แม้ว่า ผู้ประกอบการจะพยายามกระตุ้นยอดขายในช่วงกลางเดือนนี้ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะพิชิตภาวะผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้
เขาคาดว่า ฟอร์ด มอเตอร์ โค จะเป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในเดือนสิงหาคม โดยจะมียอดขายตกลงเป็นตัวเลข 2 หลัก เนื่องจาก ฟอร์ด พึ่งพารถปิคอัพอย่างมาก ขณะที่ยอดขายรถปิคอัพร่วงลง 6% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี ขณะที่ยอดเริ่มต้นสร้างบ้านถดถอยลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ยอดขายที่หดตัวลงอาจนำไปสู่การตัดลดต้นทุนการผลิต ซึ่งจะมีการประกาศในวันอังคารเช่นกัน จีเอ็ม ได้กำหนดตารางเวลาล่วงหน้าไว้แล้วในช่วงที่เหลือของปีนี้ สำหรับโรงงาน 6 แห่งที่ผลิตรถ SUV ขนาดใหญ่และรถปิคอัพ โดยในวันพฤหัสบดี จีเอ็มได้ประกาศเตรียมลดตำแหน่งงาน 1,200 ตำแหน่งที่โรงงานผลิตปิคอัพที่แคนาดาในเดือนมกราคม
ชาร์ลส์ เชสโบรห์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำบริษัท ซีเอสเอ็ม เวิลด์ไวด์ ซึ่งเป็นบริษัทคาดการณ์ยานยนต์ กล่าวว่า หนี้สินของลูกค้าพุ่งขึ้น 13% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กระตุ้นให้เกิดการปรับอัตราดอกเบี้ยการปล่อยกู้จำนองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ขณะเดียวกับที่ ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐอ่อนแอ และยอดขายบ้านที่ลดลงต่างฉุดการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ซีเอสเอ็ม คาดว่า ยอดขายยานยนต์ในสหรัฐจะมียอดรวม 16.2 ล้านคันในปี 2550 หรือน้อยลง 350,000 คันเมื่อเทียบกับปีก่อน นับเป็นยอดขายรายปีที่ตกต่ำที่สุดนับแต่ปี 2541
จอร์จ แมกลิโน ผู้อำนวยการวิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกาเหนือของบริษัท โกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า เขาไม่คิดว่าตลาดจะฟื้นตัวสู่ภาวะปกติไปจนกระทั่งปี 2552
"เนื่องด้วยเศรษฐกิจและภาคที่อยู่อาศัยที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับภาวะย่ำแย่ ยอดขายยานยนต์จึงไม่น่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้นได้" แมกลิโน กล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--