น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ และจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย 3 โครงการที่สำคัญดังนี้ คือ
1. โครงการคลองท่อมเมืองสปา อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่, โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำผุดบางสวรรค์ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโครงการจัดการแข่งขันกีฬาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่ และสุราษฎร์ธานี
สำหรับโครงการคลองท่อมเมืองสปา อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ แยกเป็นโครงการสำคัญในการพัฒนาดังนี้ คือ โครงการพัฒนาแหล่งสปาวารีบำบัดน้ำพุร้อนคลองท่อมเมืองสปา, โครงการบริหารจัดการน้ำพุร้อนเค็มให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพื้นที่ด้วยนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน และโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพุร้อนอย่างยั่งยืน
2. โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำผุดบางสวรรค์ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้น อ่างน้ำผุดบางสวรรค์เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่มีจุดเด่น คือ เป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่จากธรรมชาติที่มีอ่างน้ำผุดที่ผุดจากใต้ดินมากกว่า 10,000 จุด มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาตลอดทั้งปี มีโครงการที่สำคัญในการพัฒนาดังนี้คือ โครงการพัฒนาสินค้าและกิจกรรม(New Product) ได้แก่ กิจกรรมเดินป่า กิจกรรมSub Board/แคนู/คายัค การพัฒนาที่พักชุมชน การสร้างโปรแกรมทัวร์ การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ป้ายบอกทาง การปรับปรุงสะพานเดินชม การก่อสร้างห้องน้ำ เป็นต้น
3. โครงการจัดการแข่งขันกีฬาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่ และสุราษฎร์ธานี เป็นแนวคิดเพื่อพัฒนาธุรกิจด้านการท่องเที่ยวให้มีมูลค่าสูงด้วยอัตลักษณ์และวัฒนธรรมไทย สร้างสรรค์คุณค่าทางเศรษฐกิจและความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวที่เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา
โดยมีโครงการที่สำคัญในการพัฒนาดังนี้ คือ โครงการพัฒนาบุคลากรกีฬา, โครงการสร้างสังคมกีฬาและวัฒนธรรมกีฬาจากฐานชุมชน, โครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลกีฬาแบบดิจิทัล, โครงการจัดแข่งขันกีฬานานาชาติ 9 ชนิดกีฬา, โครงการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา และโครงการจ้างงานประชาชนในการจัดการแข่งขันกีฬา
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว ซึ่งในปี 2562 มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็น 68% แต่เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างมาก ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง ดังนั้นจึงต้องเร่งกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมี 3 โครงการข้างต้นของทั้ง 3 จังหวัดเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ