นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นประธานเปิดการสัมมนา"โครงการศึกษาจัดทำแผนการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม" ครั้งที่ 1 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้แนวทางการกำกับการบริหารตั๋วร่วมให้สมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้บัตรโดยสารใบเดียวสามารถเดินทางและใช้บริการขนส่งมวลชนได้ทุกระบบ โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วม
นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ในการศึกษา จะกำหนดกรอบแนวทางสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาระบบตั๋วร่วมและรูปแบบการชำระเงินประเภท Open-Loop-System บนพื้นฐานการใช้ Account Based Ticketing (ABT) และการรองรับระบบ EMV ในการชำระค่าโดยสาร รวมถึงการใช้งานและชำระเงินกับบริการอื่น ๆ นอกภาคขนส่ง (Non-Transit) ได้ โดยจะใช้เวลาในการศึกษา 20 เดือน (29 ส.ค.63-เม.ย.65)
โดยที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินโครงการศึกษาและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบตั๋วร่วมเพื่อส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน และการจัดตั้งศูนย์การบริหารจัดการรายได้ ซึ่งเป็นการศึกษาวางแผนเทคโนโลยีระบบตั๋วร่วมที่เหมาะสมสำหรับใช้กับระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และสามารถใช้ร่วมกับระบบการจ่ายเงินอื่น ๆ ได้ตลอดจนศึกษาถึงแนวทางในการจัดตั้งศูนย์การบริหารจัดการรายได้ (Clearing House) ซึ่งจะเป็นศูนย์เชื่อมโยงข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสารและจัดสรรรายได้แก่ผู้ประกอบการระบบขนส่งมวลชนแต่ละรายตลอดจนผู้ประกอบการอื่น ๆ ที่ขมาร่วมกับระบบตั๋วร่วม
แต่ยังไม่มีการจัดตั้งหน่วยงานในการบริหารศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง ที่ดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมในการใช้งาน "บัตรแมงมุม" จึงยังพบปัญหาบางประการในการเข้าร่วมระบบ อีกทั้ง หน่วยงานของรัฐและผู้ประกอบการระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ ยังไม่ได้มีการเจรจาเชิงธุรกิจ ในการกำหนดและประกาศใช้โครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม (Common Fare) ซึ่งจะใช้เป็นอัตราค่าโดยสารสำหรับระบบขนส่งมวลชนทั้งหมด ระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่เข้าร่วมในระบบตั๋วร่วม
สำหรับโครงการแผนการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมนี้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำกับดูแลการบริหารจัดการตั๋วร่วมให้สมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพสูงสุต โดยมีแนวคิดในการศึกษาจัดทำแผนการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมให้สอดคล้องกับแนวคิดระบบตั๋วร่วมและรูปแบบการชำระเงินประเภท Open-loop System บนพื้นฐานการใช้ Account Based Ticketing (ABT) และการรองรับระบบ EMV ในการชำระค่าโดยสาร รวมถึงการใช้งานและชำระเงินกับ บริการอื่น ๆ นอกภาคขนส่ง (Non-Transit) ได้
โดยในการศึกษาจัดทำแผนการกำกับการบริหารจัดกรระบบตั๋วร่วมในครั้งนี้ มี 5 ประเด็น ได้แก่ 1. แนวทางการพัฒนาระบบฐานข้อมูลตั๋วร่วมของประเทศไทย ให้รองรับการชำระค่าโดยสารด้วยบัตรแมงมุม บัตร MRT Plus บัตร MRT บัตร Rabbit และบัตรอื่น ๆ ในรูปแบบ Account Based Ticketing (ABT) ตลอดจนในอนาคตสามารถพัฒนาจากระบบ Closed-loop เป็นบริการบนระบบ Open-loop สอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในอนาคต รวมถึง การใช้งานและชำระเงินกับบริการอื่นนอกภาคขนส่ง(Non-Transit)
2. กลไกหรือแผนการกำกับดูแลการบริหารงานระบบตั๋วร่วมที่ชัดเจน และเป็นธรรมกับทุกฝายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนวทางการติดตามประเมินผลซึ่งจะช่วยให้การพัฒนาระบบและการใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพในระยะยาว
3. นโยบายและระบบโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม (Common Fare) ของระบบขนส่งที่สามารถดึงดูดให้มีผู้มาใช้งานระบบขนส่งมวลชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ตลอดจนค่าธรรมเนียมของระบบร่วมที่เป็นธรรมแก่ผู้ให้บริการ และไม่เป็นภาระแก่ผู้ใช้บริการ
4.รูปแบบเงินทุนและกลไกด้านการเงินของภาครัฐในการชดเชยรายได้จากค่าโดยสารร่วมและสนับสนุนการพัฒนาและการดำเนินงานระบบตั๋วร่วมอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
5. ร่างกฎหมายในการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม (ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ.....)
นายสมพงษ์ ปักษาสวรรค์ ผู้จัดการโครงการศึกษา กล่าวว่า ปัจจุบัน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่าง พัฒนาระบบตั๋วร่วมในรูปแบบ Interoperability หรือการใช้บัตรข้ามระบบรถไฟฟ้า ระหว่าง MRT และ BTS หากไม่มีข้อติดขัดคาดว่าจะสามารถใช้ได้ในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ปี 64 ส่วนการพัฒนาเป็นระบบเปิดและรองรับระบบ EMV ด้วยนั้นคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปีครึ่ง