นักวิเคราะห์ของมูดีส์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้านี้ หากความผันผวนในตลาดปล่อยกู้จำนองเข้าขั้นวิกฤติ โดยที่ผ่านมานั้นเฟดได้ยื่นมือเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการธนาคาร เพื่อช่วยบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
เฟดไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว แต่นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้ ถ้าตลาดการเงินผันผวนหนักกว่านี้
"ตลาดการเงินในสหรัฐกำลังอยู่ในภาวะอลหม่านและเกิดภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ดังนั้น เราคาดว่าเฟดจะมีทางเลือกไม่มากนัก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย" นายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักวิเคราะห์จากมูดีส์ อิโคโนมิค ดอทคอม กล่าว
นายแซนดีกล่าวว่า นอกเหนือจากการอัดฉีดสภาพคล่องหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ระบบการธนาคารแล้ว ความเคลื่อนไหวในด้านอื่นๆที่ให้มูดีส์เชื่อว่าเฟดจะพยายามไม่ให้อัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นปรับตัวขึ้นเหนือระดับปัจจุบันที่ 5.25%
นับตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.เป็นต้นมา เฟดได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบแล้วถึง 7.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ ประกาศปิดกองทุน 3 แห่งเพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลงทุนในตลาดซับไพรม์ในสหรัฐ อีกทั้งระงับไม่ให้ลูกค้าซื้อหรือไถ่ถอนการลงทุนในหลายๆ กองทุนซึ่งบีเอ็นพีบริหารอยู่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.2 พันล้านดอลลาร์
ภาวะผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินในขณะนี้ถือเป็นบททดสอบครั้งใหญ่หลวงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด หลังจากที่เขาก้าวขึ้นรับตำแหน่งดังกล่าวต่อจากนายอลัน กรีนสแปน เมื่อเดือนก.พ.2549 โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จับตาดูว่า เบอร์นันเก้ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์สอนวิชานโยบายการเงินในมหาวิทยาลัยพรินส์ตัน จะสามารถรับมือกับตลาดการเงินและเศรษฐกิจสหรัฐได้อย่างชาญฉลาดเท่ากับกรีนสแปนหรือไม่ สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--