นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการคลัง มีร่างระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินการคลัง การรับเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินส่งคลัง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกรุงไทย สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยว่าธนาคารกรุงไทยไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ ธนาคารกรุงไทย จึงขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้หน่วยงานของรัฐยังคงมีบัญชีเงินฝากอยู่กับธนาคารกรุงไทยต่อไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง ปี 2562
เนื่องจากธนาคารยังคงเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ ไม่ว่าด้วยการถือหุ้นของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 55.07% หรือโดยภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากภาครัฐ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงสถานภาพของธนาคารกรุงไทยไม่ส่งผลกระทบต่อการฝากเงินจากหน่วยงานภาครัฐ และต่อภารกิจต่างๆ ที่ธนาคารกรุงไทยได้รับมอบหมายตามนโยบายของรัฐ และโดยระเบียบของกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง
นายอนุชา กล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือ ขอเน้นย้ำว่าปัจจุบันรัฐไม่ได้ถือหุ้นในสัดส่วนที่จะทำให้ธนาคารกรุงไทยเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป เนื่องจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ถือเป็นนิติบุคคล ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบในร่างระเบียบของกระทรวงการคลังที่จะขอมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม
"ครม. เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ....โดยแก้ไขเพิ่มเติมให้หน่วยงานผู้เบิกเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่ง สำหรับเงินงบประมาณหนึ่งบัญชีและเงินนอกงบประมาณหนึ่งบัญชี
ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐยังคงมีบัญชีเงินฝากอยู่กับธนาคารกรุงไทยต่อไปได้ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562 เนื่องจากธนาคารกรุงไทยยังคงเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ ผ่านการถือหุ้นของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน" โฆษกรัฐบาลระบุ