นายนคร จันทศร รองผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือการดำเนินโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง(แอร์พอร์ตลิงค์) เห็นว่าการต่อสัญญาหรือขยายเวลาก่อสร้างจึงสามารถทำได้ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ หลังจากไม่พบประเด็นที่จะบอกได้ว่าสัญญาดังกล่าวเข้าข่ายเป็นโมฆะ
อย่างไรก็ตาม รฟท.คงต้องขอสงวนสิทธิ์ไว้หากในอนาคตพบว่ามีข้อมูลเพิ่มเติมที่บ่งบอกว่าสัญญาเข้าข่ายเป็นโมฆะ ก็จะต้องให้ประเด็นดังกล่าวมีผลย้อนหลัง
สำหรับการต่อสัญญาก่อสร้างจะต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัย คือ ระยะเวลาที่จะขยาย, เงินที่ใช้สนับสนุนโครงการ ซึ่งขณะนี้ รฟท. อยู่ระหว่างการเจราจากับกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้ เช่น ธนาคารกสิกรไทย(KBANK), ธนาคารกรุงไทย(KTB), ธนาคารกรุงเทพ(BBL) และธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) และ ปัจจัยสุดท้าย คือ การทำสัญญาเพิ่มเติมซึ่งเป็นสัญญาใหม่
นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมให้สิทธิ รฟท.ตัดสินใจเรื่องการต่อสัญญาโครงการแอร์พอร์ต ลิงค์ โดยไม่ต้องถามความเห็นของรัฐมนตรี ซึ่งกระบวนการพิจารณาจะผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ รฟท. หลังจากนั้นจะนำเสนอกระทรวงคมนาคม และครม.เพื่อพิจารณาต่อไป
ด้านนายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน รฟท. กล่าวว่า เบื้องต้น รฟท. ได้เจรจากับกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้อย่างไม่เป็นทางการ พบว่ามีแนวโน้มที่ดีที่ธนาคารจะปล่อยเงินกู้ต่อในโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ แต่จะต้องเจรจาในรายละเอียดเงื่อนไขเงินกู้ ขณะเดียวกัน รฟท.จะขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเพื่อก่อสร้างโครงการดังกล่าวด้วย เพราะถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
ปัจจุบัน รฟท.มีหนี้สินกับธนาคารรวม 1.3 หมื่นล้านบาท และภายในเดือนพ.ย.50 รฟท.จะมีหนี้สินรวมประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 2.6 หมื่นล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--