ฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยว่า จีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและใช้งานสินแร่เหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลกรายหนึ่ง จำเป็นต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ เพื่อช่วยให้จีนมีอิทธิพลขต่อความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมทั่วโลก
บริษัท เป๋าสตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งผลิตเหล็กภายในประเทศช่วงครึ่งปีแรกคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5.3% เมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนการผลิตในปี 2548 ที่ 6.5% ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตเหล็กขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนมากยังคงขยายขอบเขตการผลิตของตนเองต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าในการซื้อกิจการ
ดังนั้น ผลผลิตเหล็กของกลุ่มผู้ผลิตเหล็กที่มีความสามารถในการผลิตเหล็กต่ำกว่า 2 ล้านตันต่อปี จึงมีปริมาณเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ต่อปีในปี 2549 ซึ่งตรงกันข้ามกับผลผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กที่พุ่งขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ผลผลิตเหล็กสูงขึ้น 18.9% ต่อปี แตะ 237.6 ล้านตัน ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทผู้ผลิตเหล็กจีนกำลังชะลอตัวลง
ฟิทช์ยังชี้ด้วยว่าการที่รัฐบาลจีนมีคำสั่งห้ามบริษัทต่างชาติเข้าควบคุมกิจการบริษัทผู้ผลิตเหล็กที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของนั้น ทำให้กลไกการปกป้องกลุ่มผู้ผลิตเหล็กจีนจากการแข่งขันและเผชิญหน้ากับบริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่ทั่วโลกลดลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง อาร์เซเลอร์ มิตทัล ที่สนใจซื้อกิจการบริษัท เป๋าตู สตีล และไหล่วู สตีล
แดนนี่ เฉิน รองผู้อำนวยการทีมงานบริษัทเอกชนของฟิทช์ กล่าวว่า การควบคุมอุตสาหกรรมเหล็กอย่างเข้มงวดมากเกินไปจะทำให้ขบวนการผนึกรวมอุตสาหกรรมเหล็กมีประสิทธิภาพน้อยลงและคาดการณ์ได้ยากขึ้น นอกจากนี้ การซื้อกิจการในอุตสาหกรรมเหล็กกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นต่อต้านในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าผู้ประกอบการขนาดเล็กในยังสามารถทำกำไรอยู่ได้ สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--