โนริโอะ มิยากาว่า นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยชินโกะเปิดเผยว่า รายงานตัวเลขเศรษฐกิจหลายรายการที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ไม่น่าจะเป็นปัจจัยยับยั้งธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่คาดว่าบีโอเจจะยังไม่ประกาศใช้มาตรการใดๆในที่ประชุมเดือนหน้า เนื่องจากสถานการณ์ในตลาดเงินยังอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ
"แม้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ตลาดเงินยังคงเผชิญความผันผวน และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในเดือนก.ย. ดังนั้นจึงยังเป็นเรื่องยากที่บีโอเจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า"
"อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้สูงที่บีโอเจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งอาจเป็นเดือนพ.ย.หรือเดือนธ.ค. หลังจากที่ตลาดเงินเริ่มกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น" นายมิยากาว่ากล่าว
ทั้งนี้ บีโอเจได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ในระดับเดิมตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ปรับดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ที่ 0.5% จากระดับ 0.25%
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ทางการญี่ปุ่นได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจหลายรายการในวันนี้ ซึ่งประกอบด้วยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) โดยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นประจำเดือนก.ค.ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากราคาสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี และค่าธรรมเนียมโทรศัพท์มือถือที่ปรับตัวลดลง
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมถึงราคาอาหารสดที่ผันผวน แต่คิดรวมในส่วนของราคาพลังงานนั้นปรับตัวลดลง 0.1% ในเดือนก.ค.จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ CPI โดยรวมทรงตัวในระดับเดิมหลังจากที่ปรับตัวลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย.
ขณะที่อัตราว่างงานของญี่ปุ่นบ่งชี้ว่าบรรยากาศในตลาดแรงงานกำลังฟื้นตัวดีขึ้น โดยตัวเลขว่างงานในเดือนก.ค.ปรับตัวลดลง 3.6% จากระดับ 3.7% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดในรอยกว่า 9 ปี เนื่องจากผู้ประกอบการและบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและสวัสดิการจ้างพนักงานมากขึ้นเพื่อรองรับกับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--