นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมศุลกากรเร่งดำเนินภารกิจสำคัญ 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1. การปรับเปลี่ยนบทบาทจากกรมจัดเก็บภาษี เป็นกรมที่เน้นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออก อาทิ ให้เร่งตรวจปล่อยสินค้าให้เร็วขึ้น เน้นความโปร่งใสในการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยให้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการตรวจปล่อยสินค้าให้มากขึ้น แทนการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
2. เร่งดำเนินการเรื่อง National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานรัฐและภาคธุรกิจสำหรับการนำเข้าและส่งออก เพราะเป็นเรื่องที่ดำเนินการมานานแล้ว แต่ยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยมอบหมายให้กรมศุลกากรประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดูว่ายังติดขัดในส่วนใด เพื่อแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในปี 64 ตามข้อเรียกร้องของภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
3. การเพิ่มประสิทธิภาพการปราบปราม โดยให้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติด และสิ่งของต้องห้าม ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญด้านหนึ่ง
4. เร่งดำเนินการสนับสนุนการค้าชายแดน โดยสั่งการให้กรมศุลกากรยกระดับศุลกากรท่าเรือมาบตาพุด เป็นสำนักงานศุลกากร เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กระจายและขนส่งสินค้าของภูมิภาค โดยกรมศุลกากรต้องมีการจัดเขตปลอดภาษี (Free Zone)เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสินค้าที่นำเข้าและส่งออกต่างประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันของประเทศ
"กรมศุลกากร ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทมาเน้นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น ส่วนการจัดเก็บรายได้ จะต้องไปเน้นการจัดเก็บภาษีจากสินค้าทางตรง ผ่านภาษีสรรพสามิต และภาษีสรรพากรมากกว่า ซึ่งรายได้ในส่วนนี้ ก็จะมาช่วยชดเชยรายได้จากกรมศุลกากรได้ในระดับหนึ่ง" รมว.คลังกล่าว