นักธุรกิจในอุตสาหกรรมพลังงานเปิดเผยว่า ความต้องการพลังงานในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นได้กลายเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาดำเนินธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมพลังงานในเอเชียเพิ่มมากขึ้น
แฮงก์ ทอมลินสัน ประธานโรงกลั่นน้ำมันมาลัมปายา ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นโรงกลั่นในเครือเชฟรอน บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ กล่าวระหว่างร่วมการประชุมธุรกิจพลังงานของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่สิงคโปร์ว่า ความต้องการพลังงานในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกจะเพิ่มขึ้นแซงหน้าสหรัฐและยุโรปในปี 2573
“แน่นอนว่า เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่เราให้ความสำคัญ ซึ่งเราคาดว่าปริมาณความต้องการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะพุ่งขึ้นแซงหน้าสหรัฐและยุโรปในปี 2573 โดยเฉพาะในประเทศจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ที่ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในการกระตุ้นยอดการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น"
นอกจากนี้ ความต้องการพลังงานของภาคธุรกิจขนส่งในเอเชียแปซิฟิกจะยิ่งขยายตัวขึ้นอย่างมหาศาล ตามปริมาณรถยนต์และรถบรรทุกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 60%
"ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เราต้องเผชิญความท้าทายใหญ่หลวง แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับธุรกิจพลังงานที่ต้องเผชิญความเสี่ยงก่อนที่จะประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า" ทอมลินสันกล่าว
ทั้งนี้ เชฟรอน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมัน 6 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมันคิดเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำมันที่ผลิตได้ทั่วโลก สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--