นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์ศานต์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดมาตรการผลักดันการส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เพื่อให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 12.5% มูลค่า 145,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากในเดือนก.ค.การส่งออกขยายตัวเพียง 5.9% ที่มูลค่า 11,801.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
มาตรการระยะสั้นจะสั่งการให้ทูตพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และตลาดใหม่ของไทย เช่น จีน, อินเดีย, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา และยุโรปตะวันออก นำคณะผู้แทนการค้าเดินทางมาไทยอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อเจรจาซื้อขายสินค้าจากไทย ซึ่งจะเริ่มจากงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับวันที่ 18-22 ก.ย.ที่กรุงเทพฯ
นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์จะประชุมทูตพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ และผู้แทนการค้ากิตติมศักดิ์จากประเทศต่างๆ ในวันที่ 19 ก.ย.เพื่อหามาตรการเสริมผลักดันการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนมาตรการระยะกลาง กระทรวงพาณิชย์จะเร่งขยายตลาดสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อเปิดตลาดสินค้าไทย เช่น อาหารฮาราล และผลไม้สด 6 ชนิด คือ มะม่วง, สับปะรด, เงาะ, ลิ้นจี่, ลำไย และมังคุด ไปยังตลาดสหรัฐฯ
โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มาตรการระยะยาวนั้นไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด เช่น การตั้งงบประมาณร่วมระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการค้า เช่น ห้องทดสอบทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เพื่อทดสอบปริมาณสารตกค้างในสินค้าส่งออก เพราะปัจจุบันไทยต้องส่งสินค้าตัวอย่างไปทดสอบที่สิงคโปร์ และอินเดียที่มีค่าใช้จ่ายสูง
ขณะเดียวกันรัฐบาลจะต้องช่วยลดอุปสรรคด้านการค้าให้กับภาคเอกชน โดยการลดอุปสรรคที่ดีที่สุดคือ การทำเขตการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ และยังมีส่วนช่วยให้การส่งออกในระยะยาวของไทยขยายตัวอย่างยั่งยืนด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--