บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/63 คาดว่าจะมีอัตราการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่ชะลอลง เมื่อเทียบกับการฟื้นในช่วงไตรมาส 3/63 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 ที่เป็นฐานต่ำเพราะเป็นช่วงที่มีการล็อกดาวน์ แต่ก็ยังมีโมเมนตัมบวกและอาจจะต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/64 โดยมีปัจจัยหนุนหลัก คือ มาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวในประเทศของรัฐบาล
สำหรับมาตรการที่อาจจะออกมาเพิ่มเติม คือ คนละครึ่งเฟส 2, โครงการรถเก่าแลกรถใหม่ที่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอมา และอาจจะนำเรื่องเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 (ศบศ.) พิจารณาในวันที่ 2 ธ.ค.นี้, การสนับสนุนท่องเที่ยวเมืองรอง, การต่ออายุมาตรการพักชำระหนี้ และให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจ เป็นต้น
ส่วนปัจจัยความเสี่ยงที่เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/63 คือ เงินบาทแข็งค่า, ปัญหาการเมืองในประเทศ, นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทิ้งทวนก่อนอำลาตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐด้วยการกดดันบริษัทจีนโดยเตรียมขึ้นบัญชีดำบริษัท Semiconductor manufacturing international corporation (SMIC) และ China national offshore oil corporation (CNOOC) โดยอ้างว่าเป็นบริษัทของกองทัพจีน
นอกจากนี้ ต้องติดตามว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าได้ต่อ เพราะการเกินดุลการค้าและเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทยในเดือน ธ.ค.63 หุ้นแนะนำอยู่ใน 5 Theme คือ
1. โครงการลงทุนในพื้นที่ EEC มีความคืบหน้า ภาพรวมการลงทุนดีขึ้นในปี 64 หุ้นเด่น AMATA (ราคาพื้นฐาน 18 บาท)
2. ธุรกิจมั่นคง ไปได้ดีในระยะยาว Valuation ไม่แพง จ่ายปันผลสม่ำเสมอ หุ้นเด่น AP (ราคาพื้นฐาน 8.1 บาท)
3. ธุรกิจฟื้นตัวจากการมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 หุ้นเด่น คือ BTSGIF (ราคาพื้นฐาน 7.2 บาท)
4. ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันฟื้นตัว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก หุ้นเด่น PTT (ราคาพื้นฐาน 43 บาท)
5. หุ้นเล็ก จิ๋วแต่แจ๋ว หุ้นเด่น TSR (ราคาพื้นฐาน 5.1 บาท)
"แนะนำเลือกซื้อจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว โดยประเมินว่าเศรษฐกิจ กำไรบริษัทจดทะเบียน และตลาดหุ้นไทย จะเติบโตจากฐานต่ำได้ในปี 64" บทวิเคราะห์ ระบุ