รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 7 ส.ค.บ่งชี้ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดพร้อมที่จะรับมือกับภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ อันเป็นผลมาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง
"คณะกรรมการเฟดยอมรับว่าภาวะด้านการเงินในสหรัฐยังคงถดถอยลงและหากสถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปอีก ก็อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้นโยบายบางอย่างเพื่อแก้ไขในเรื่องนี้"
"อย่างไรก็ตาม เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวในระดับปานกลางในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้านี้ และเฟดยังคงกังวลเรื่องความเสี่ยงที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในวัฏจักรขาขึ้น โดยปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจยังคงขยายตัวขึ้นได้อีกนั้นมาจากอัตราการจ้างงานที่แข็งแกร่งและรายได้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นการอุปโภคบริโภคให้สูงขึ้นด้วย นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐยังได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการสินค้าและการบริการในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น" รายงานการประชุมเฟดระบุ
"ตลาดการเงินที่ชะลอตัวลงเมื่อเร็วๆนี้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเฟดคาดว่าสถานการณ์ในตลาดการเงินจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ แต่คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพรม์ ซึ่งเฟดจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด" เฟดกล่าวในรายงานการประชุม
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า การประชุมเฟดซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 5.25% แต่ต่อมาเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ส.ค. เฟดได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลง 0.50% เพื่อกอบกู้วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ โดยอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ขอกู้โดยตรงจากเฟด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--