นายโชคชัย ปัญญายงค์ ที่ปรึกษาพิเศษโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการภายใต้การบริหารของบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) เตรียมเสนอแผนแม่บทการบินเพื่ออนุมัติกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) คาดว่าปลายปี 64 น่าจะเริ่มการก่อสร้างและใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี โดยน่าจะแล้วเสร็จในปี 67 และเปิดบริการได้ในปี 68
ส่วนโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา) บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด (กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร) เตรียมตัวรับโอนโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก์ (มักกะสัน-พญาไท-สุวรรณภูมิ) ระยะเวลาภายใน 2 ปี เพื่อนำไปบริหารต่อ และจะได้รับพื้นที่เวนคืนช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภาในไตรมาส 1/64 ขณะเดียวกันเอกชนก็กำลังวางแผนงานก่อสร้าง ซึ่งมีความยุ่งยากในการเข้าพัฒนา
อย่างไรก็ตาม นายโชคชัย กล่าวว่า ทั้งสองโครงการ ซึ่งเป็นโครงการสำคัญในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังคงเป็นไปตามสัญญา
ด้านพลเรือเอก วศินสรรพ์ จันทวรินทร์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ กล่าวว่า ในส่วนกองทัพเรือในปีนี้ได้ดำเนินการถมที่ดินเพื่อรองรับการก่อสร้างทางวิ่งทางขับ หรือ รันเวย์ 2 รวมทั้งรองรับโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ด้วย โดยเตรียมงานก่อสร้างในปีงบประมาณ 65 ระหว่างนี้ได้ยื่นการจัดทำรายงานผลกระทบสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA)
นายโชคชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าจะได้รับความเห็นชอบ EHIA ได้ไม่เกินกลางปี 64 กองทัพเรือได้ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้วเตรียมพร้อมเปิดประมูล โดยโครงการนี้จะก่อสร้างเสร็จในปี 67
ส่วนผลกระทบสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ต่อธุรกิจการบิน จากที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประเมินว่าธุรกิจการบินจะรับผลกระทบจากโควิดช่วง 63-67 ขณะที่โครงการต่างๆใน EEC สร้างเสร็จในปี 67 นายโชคชัย กล่าวว่า สอดคล้องกับฟื้นตัวของธุรกิจการบิน กับการดำเนินการของ EEC ในปี 68 โดยเบื้องต้นธุรกิจการบินภายในประเทศ จะฟื้นตัวได้เร็วขึ้นภายในปี 64 ส่วนการบินระหว่างประเทศเริ่มมีข่าวดีและคาดเห็นการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในปลายปีนี้และจะใช้กันแพร่หลายในปี 64