YLG มองราคาทองปีนี้ลุ้นแตะ 1,900 เหรียญฯอีกรอบ แนวโน้ม 1-2 ปียังเป็นขาขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 4, 2020 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) คาดว่า แนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังเป็นขาขึ้น แม้ว่าระยะสั้นจะยังแกว่งตัวผันผวน โดยคาดว่าภายในปีนี้ยังมีโอกาสได้เห็นราคาไปแตะ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงนี้ราคาทองคำตอนนี้จะปรับลดลงมาจากจุดสูงสุดของปีนี้ที่ทำไว้ที่ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ แม้หากดูเทียบกับราคาต้นปีที่เปิดที่ 1,517 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก็ยังถือว่าราคาปรับขึ้นมาเกือบ 20%

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองที่ปรับลดลงค่อนข้างมากจนหลุด 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าราคาทองคำจะเป็นขาลงแล้วหรือไม่ ซึ่งจากการปรับตัวลดลงล่าสุดจะเห็นว่าหากราคาทองคำยังไม่เป็นขาลง เพราะหากจะเป็นขาลงจะต้องปรับลดลงไปถึง 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ แต่เมื่อราคาทองคำปรับลดลงไปที่ 1,764 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ พบแรงซื้อกลับเข้ามาทำให้ราคาสามารถยืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ได้

ส่วนปัจจัยที่ยังมองว่าราคาทองคำในระยะยาว 1-2 ปี ยังคงเป็นขาขึ้นนั้น มาจากปัจจัยหลักที่จะมีเงินไหลเข้าทองคำจากนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่จะเข้ามาอย่างมหาศาล แม้จะมีวัคซีนออกมาใช้แต่กว่าทุกอย่างจะกลับมาปกติยังต้องใช้ระยะเวลา 1-2 ปี ดังนั้นแต่ละประเทศยังต้องดำเนินนโยบายทั้งการเงินและการคลังเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งเงินอัดฉีดเหล่านี้ทุกครั้งจะมีเงินไหลเข้ามาตลาดทองคำดังเช่นในอดีตเมื่อปี 54 ซึ่งเป็นปีที่มีการทำ QE พบว่าราคาทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,920 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จากนั้นก็ค่อยๆปรับลดลง

แต่ปีที่ลดลงชัดเจนคือปี 56 ที่เลิกทำ QE ทำให้ราคาทองคำปรับลดลงไปที่ระดับต่ำสุดที่ 1,045 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพราะหากสหรัฐเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีนโยบายเริ่มหยุดทำ QE เริ่มดึงเงินออกจากระบบ ราคาทองคำก็จะปรับลดลงไป อย่างไรก็ดีหากมองในกรณีเลวร้ายหากในอนาคตราคาทองคำมีการปรับลดลงนั้น ก็จะปรับลดลงไม่ต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สาเหตุที่ราคาทองคำจะไม่ปรับลงไปกว่านั้นเพราะเหมืองทองคำจะมีต้นทุนหน้าเหมืองอยู่ที่ระดับดังกล่าวโดยประมาณ

ทั้งนี้ การอัดฉีดเงินของแต่ละประเทศนั้นจะขึ้นกับผลประกอบการภาคเอกชน ตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขการว่างงานเพราะถ้าออกมาไม่ดี รัฐบาลก็ต้องอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อให้ประชาชนเกิดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งก็จะทำให้เกิดการหมุนเวียนและเกิดการลงทุน เงินเหล่านี้ก็จะไหลไปสู่สินทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมทั้งทองคำ ส่วนสัญญาณที่จะเลิกทำ QE คือการดึงเงินออกจากระบบหรือขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็คือตัวเลขการจ้างงาน และเงินเฟ้อ หากตัวเลขดีขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนที่ลงทุนในทองคำต้องระมัดระวังสัญญาณเหล่านี้ เพราะเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวและนักลงทุนจะมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นและเงินจะเริ่มไหลออกจากตลาดทองคำ

นางสาวฐิภา กล่าวว่า แม้ปีนี้จะมีโควิด -19 ทำให้เกิดวิกฤตทั่วโลก แต่ก็เป็นปีแห่งโอกาสเช่นกัน เพราะปีนี้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากการลงทุนสินทรัพย์ต่างๆได้อย่างมหาศาล เพราะไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงของราคาสินทรัพย์ต่างๆเราก็สามารถเข้าไปทำกำไรจากส่วนต่างของราคาได้ นอกจากนี้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนทองคำในตลาด TFEX ผ่านการลงทุนโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ