ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.09 แข็งค่าสุดรอบ 11 เดือน นำสกุลภูมิภาค รับ Fund Flow เข้า

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 8, 2020 17:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.09 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.14/15 บาท/ดอลลาร์

ช่วงท้ายตลาดเงินบาทแข็งค่าไปที่ระดับ 30.09 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 11 เดือน นับตั้งแต่ 2 ม. ค.63 และระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.09-30.15 บาท/ดอลลาร์ โดยเป็นผลมาจากยังมีเงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้นไทย ต่อเนื่อง ขณะที่คาดว่าพรุ่งนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเช่นกัน

"ปิดตลาดวันนี้ เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 11 เดือน นับตั้งแต่ 2 ม.ค.63 และบาทแข็งค่ากว่าสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เหตุที่ บาทแข็งน่าจะเป็นเพราะยังมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง " นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00 - 30.15 บาท/ดอลลาร์ และน่าจะยังไม่หลุด 30 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.98 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 104.04/05 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2129 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2110/2113 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,478.92 จุด เพิ่มขึ้น 29.09 จุด (+2.01%) มูลค่าการซื้อขาย 123,462 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 6,664.73 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-30.30 บาท/ดอลลาร์ โดย
นักลงทุนจะซื้อขายอย่างระมัดระวังในสัปดาห์นี้ เนื่องจากท่าทีที่เข้มงวดมากขึ้นต่อการดูแลค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) แม้ว่านับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.เงินบาทแข็งค่าทิศทางเดียวกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ประกอบกับสัปดาห์นี้ ตลาดการเงินใน
ประเทศเปิดทำการเพียง 2 วัน
  • ครม.อนุมัติโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 รัฐบาลจะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการ
แห่งรัฐจำนวนประมาณ 14 ล้านคน ให้เป็นค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธง
ฟ้าฯ) จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลาเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ม.ค.-มี.ค.64
  • ครม.อนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง
ไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 โดยแบ่งกลุ่มผู้ใช้สิทธิเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) ผู้ได้รับสิทธิเดิม ไม่เกิน 10 ล้านคน จะได้รับสิทธิวงเงิน
สนับสนุนจากรัฐเพิ่มเติมคนละ 500 บาท ในวันที่ 1 ม.ค.64 ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินตามสิทธิที่มีอยู่เดิม 3,000 บาท เท่ากับจะมีวงเงิน
รวม 3,500 บาท สามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 31 มี.ค.64 และ 2) ผู้ลงทะเบียนใหม่ ไม่เกิน 5 ล้านคน จะได้รับสิทธิวงเงินสนับสนุนจาก
รัฐคนละ 3,500 บาท สำหรับใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.64
  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก คาดการณ์การส่งออกไทยในปี 64 ว่าจะฟื้นมาเติบโต
3-5% โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ 1) ไทยร่วมลงนามไทยความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ครอบคลุมตลาดที่มี
ประชากรรวมกันถึง 2.2 พันล้านคน 2) ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 3) สินค้ากลุ่มอาหาร และกลุ่มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ยัง
ส่งออกได้ดีต่อเนื่อง 4) ระดับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 63 และ 5) การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจของประเทศจีน
  • คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) อาจอนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งถือ
เป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า สหรัฐอาจเผชิญกับ
วิกฤตด้านสาธารณสุขครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ในช่วงฤดูหนาวนี้
  • สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์)
เป็นเวลา 1 สัปดาห์ในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.) และเพื่อให้เวลาแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงในการออกมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
  • นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศว่า รัฐบาลได้อัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก 73.6 ล้านล้านเยน หรือประมาณ
7.07 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เพิ่มเติมนี้จะครอบคลุมถึงการขยายโครงการอุดหนุนในด้านต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และกระตุ้นการ
อุปโภคบริโภค รวมทั้งช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ให้ยังคงจ้างงานต่อไป
  • สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ณ สิ้นเดือนพ.
ย.63 อยู่ที่ระดับ 3.1785 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.05 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.61% จากในช่วงสิ้นเดือนต.ค. โดยปัจจัยที่ทำให้ทุน
สำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.นั้น เนื่องมาจากผลกระทบรวมของการแปลงสกุลเงิน และการเปลี่ยนแปลงของราคา
สินทรัพย์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ