น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ เพื่อให้ ขสมก. สามารถดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ได้อย่างต่อเนื่องตามแผนฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งพัฒนาองค์กรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สามารถเพิ่มรายได้และ ลดภาระให้กับภาครัฐ อันจะพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศในด้านการบริการสาธารณะและสามารถก้าวเข้าสู่ การแข่งขันด้านบริการสาธารณะในสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก.พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อเพิ่มรายได้ให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ลดภาระกับภาครัฐ จำเป็นต้องพัฒนาพื้นที่ในเชิงธุรกิจตามแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. จึงเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พ.ศ. 2519
นอกจากนี้ เพื่อการบริหารจัดการหนี้สิน และเกิดประโยชน์ในการชำระหนี้ได้ในระยะยาว จำเป็นต้องออกพันธบัตรเงินกู้ จึงเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 7 (7) แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงมีมติที่ประชุมครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2561 ให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ในส่วนของมาตรา 6 วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและมาตรา 7 (7) ในส่วนของการออกพันธบัตรเงินกู้
ขสมก.ได้ดำเนินการศึกษาโครงการพัฒนาการใช้พื้นที่เชิงธุรกิจ อู่มีนบุรีและอู่บางเขน เพื่อศึกษาวิเคราะห์และประเมินความต้องการใช้ประโยชน์ที่มีความสำคัญกับบริบทพื้นที่ ทั้งกายภาพ สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อนำเสนอผังแม่บทในการใช้พื้นที่และทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปเป็นนโยบายและแผนการดำเนินการในการพัฒนาพื้นที่ สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ ขสมก. และนำผลการศึกษาไปดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 โดยสรุปได้ว่า
1.1 อู่มีนบุรี มีพื้นที่ 10 ไร่ มีราคาตลาดมูลค่า 347 ล้านบาท มีความเหมาะสมใน การพัฒนาเป็นอพาร์ตเม้นท์และตลาด ลักษณะการให้สิทธิเอกชนเข้าพัฒนาพื้นที่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
1.2 อู่บางเขน มีพื้นที่ 11 ไร่ 1 งาน 93 ตารางวา มีราคาตลาดมูลค่า 1,148.25 ล้านบาท มีความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการประเภท ศูนย์การค้า โรงแรมลักษณะเปิดให้เอกชนประมูลเพื่อลงทุนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรม