ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก:ดอลล์แข็งเทียบยูโรหลังสหรัฐยืนยันจะพลิกฟื้นวิกฤติ

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวน โดยดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน แต่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ ได้ประชุมร่วมกันเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3468 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.3481 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.9822 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 1.9879 ดอลลาร์ต่อปอนด์ 
          อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 114.44 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 114.86 เยนต่อดอลลาร์ และปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.0645 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0572 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ และทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังซ์สวิสที่ 1.2063 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์
          นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐยืนยันในที่ประชุมเมื่อวานนี้ว่า "สหรัฐจะสามารถฝ่าวิกฤตการณ์สินเชื่อไปได้ เราจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ แต่การดำเนินการในเรื่องนี้จำเป็นต้องใช้เวลา ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายอดทน" 
          ในการประชุมครั้งนี้ นายคริสโตเฟอร์ ด็อดด์ คณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภา ได้เรียกร้องให้เบอร์นันเก้ เร่งใช้เครื่องมือที่จำเป็นเพื่อป้องกันวิกฤตการณ์สินเชื่อไม่ให้ลุกลามจนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ
          เมื่อวานนี้ เฟดได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบอีก 3.75 พันล้านดอลลาร์เพื่อคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและตลาดซับไพรม์ในสหรัฐ หลังจากที่เฟดได้สร้างความฮือฮาให้กับตลาดไปแล้วด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.50% ก่อนการประชุมวันที่ 18 ก.ย.
          นักวิเคราะห์เริ่มไม่มั่นใจว่า ธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าหรือไม่ เนื่องจากความผันผวนในตลาดยังไม่คลี่คลายลง ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะเริ่มประชุมระยะเวลา 2 วันในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าบีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม