ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.06/07 ทรงตัว ลุ้น Brexit หากแนวโน้มดีบาทอาจหลุดระดับ 30 บาท

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 14, 2020 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.06/07 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.08 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ค่อนข้างไปทางนิ่งๆ ปัจจัยในประเทศไม่มีอะไรโดดเด่น ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ต้องรอติดตามการเจรจา Brexit เพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและอียู ตลอดจนติดตามการประชุมคณะกรรมการกำหนด นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในการประชุมกลางสัปดาห์นี้

"ถ้า Brexit มีทิศทางดี เงินปอนด์ก็น่าจะแข็งค่า บาทก็มีโอกาสจะหลุดระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ลงไปได้ แต่คงหลุดไปช่วง สั้นๆแล้วก็ดีดกลับขึ้นมา" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00 - 30.15 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.71/73 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 104.00 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2155/2156 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2130 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,476.13 จุด ลดลง 6.54 จุด (-0.44%) มูลค่าการซื้อขาย 107,352 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,956.27 ลบ.(SET+MAI)
  • กระทรวงการคลัง เตรียมปรับประมาณการ GDP ของไทยในปี 2564 ใหม่ โดยมีแนวโน้มปรับลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะ
ขยายตัวที่ 4.5% เป็นผลมาจากเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ปรับตัวดีขึ้นจากที่คาด หลังจากที่สภาพัฒน์ประกาศตัวเลข GDP ในไตรมาส
3/2563 ลดลง -6.4% ซึ่งดีกว่าที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้มาก ทำให้เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะขยายตัวได้ดีกว่าที่
กระทรวงการคลังเคยคาดการณ์ว่าจะลดลงมากถึง -7.7%
  • ที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) มีความ
เห็นว่าระบบการเงินไทยโดยรวมยังมีเสถียรภาพ โดยธนาคารพาณิชย์และธุรกิจประกันภัยมีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง ขณะที่ตลาดการเงินมี
เสถียรภาพ และสามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจและการเงินยังมีความไม่แน่นอน ก็เตรียมพร้อมออกมาตรการอื่น ๆ
เพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อจำกัดผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยและสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
  • โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ระบบการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 พร้อมเปิดรับลงทะเบียนสำหรับ
ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมอีก 5 ล้านคน ในวันพุธที่ 16 ธ.ค.63 โดยคุณสมบัติผู้ลงทะเบียน จะต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย มี
อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่ใช่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 06.00 -
23.00 น. จนกว่าจะครบ 5 ล้านสิทธิ
  • รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า แนว
โน้มการให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารในปี 63 มีโอกาสเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน หลังจากในช่วง 8-
9 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อดังกล่าวเติบโต 4-5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องที่ลูกค้าได้ยื่นขอใช้สิน
เชื่อเข้ามาค่อนข้างมาก เพราะในช่วงที่ผ่านมาลูกค้ามุ่งรักษาสภาพคล่องทางการเงิน หลังภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
  • รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมออกพันธบัตรล็อตใหม่มูลค่ากว่า 112 ล้านล้านเยน (1.08 ล้านล้านดอลลาร์) ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ในปีงบประมาณ 2563 โดยรัฐบาลกำลังระดมเงินทุนในการจัดหางบประมาณเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการ
แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • สถาบันการท่องเที่ยวของจีน (CTA) คาดการณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ ตลาดการท่องเที่ยวในประเทศของจีนจะต้อนนัก
ท่องเที่ยวจำนวนสูงถึง 1 หมื่นล้านคนต่อปี และคาดว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 10 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 1.5
ล้านล้านดอลลาร์)
  • นักลงทุนยังคงจับตาการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ในสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐมี
ความขัดแย้งกันมาหลายเดือนแล้วเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลังรอบใหม่เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อก
ดาวน์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
  • นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 15-16 ธ.ค.63 ซึ่งคาดว่าจะยังคงส่งสัญญาณกระตุ้น

เศรษฐกิจต่อเนื่อง ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีกำหนดประชุมในสัปดาห์นี้เช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ