แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) เร่งจัดทำยุทธศาสตร์การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจปี 51 โดยเฉพาะการเร่งใช้จ่ายงบรัฐวิสาหกิจที่จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้
"รัฐมนตรีหลายคนเห็นว่าความล่าช้าของการเบิกจ่ายงบลงทุน เนื่องจากหน่วยงานที่ให้กลับไปแก้ไขโครงการจะเก็บเรื่องไว้นานกว่าจะนำกลับมาเสนอใหม่ ขณะที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดก็ไม่สามารถเข้าไปดูแลได้มากเพราะไม่มีอำนาจ หากเข้าไปล้วงลึกก็จะถูกกล่าวหาว่าคอรัปชั่น หรือถูกการเมืองล้วงลูก"แหล่งข่าว กล่าว
ในปี 51 ครม.ต้องการให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้อย่างน้อย 90% ของวงเงินเบิกจ่ายลงทุน 289,756 ล้านบาท แต่จากสถิติที่ผ่านมาการเบิกจ่ายงบลงทุนตั้งแต่ปี 45-49 เฉลี่ยเพียง 68% ต่อปี ซึ่งสภาพัฒน์รายงานว่าหากเบิกจ่ายได้เพียง 70% จะทำให้จีดีพีลดลงถึง 0.9% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 5%
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รองเลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า จะเสนอยุทธศาสตร์การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจให้ที่ประชุมคณะกรรมการสภาพัฒน์พิจารณาในวันที่ 15 ต.ค.ก่อนที่จะนำเสนอ ครม.ต่อไป
ล่าสุด คณะกรรมการสภาพัฒน์ได้เห็นชอบโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาสมุทรสาครของการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) วงเงินลงทุน 1,390 ล้านบาท โดยใช้เงินอุดหนุน 1,042 ล้านบาท และเงินรายได้ของ กปภ.สมทบอีก 347 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างระบบผลิตน้ำดิบ ระบบผลิต และจัดจำหน่าย ที่ จ.สมุทรสาคร โดยนำน้ำดิบจากแม่น้ำแม่กลองมาใช้ โดยจะได้น้ำประปา 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ทั้งนี้ ยังได้มอบให้ กปภ.จัดทำแผนปรับปรุงกิจการเพื่อลดผลการขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 2,600 ล้านบาท เพราะถึงแม้ กปภ.จะมีกำไรปีละ 100 ล้านบาท แต่มาจากที่ได้รับเงินชดเชยและอุดหนุนจากงบประมาณ ขณะเดียวกันกระทรวงมหาดไทยควรตั้งองค์กรกำกับดูแลน้ำประปา เพื่อดูแลโครงสร้างค่าน้ำที่เหมาะสมและไม่ให้มีการปรับราคาค่าน้ำตามใจ เพื่อไม่ให้ประชาชนและภาคธุรกิจเดือดร้อน
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--