กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน ส.ค.50 การส่งออกมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 17.9% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.98% ดุลการค้าเกินดุลประมาณ 770.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"การส่งออกมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งดูตอนนี้แล้วตัวเลขน่าพึงพอใจ เพราะฉะนั้นจะทำให้เป้าที่ 12.5% บรรลุได้" นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ กล่าว
สำหรับการส่งออกในเดือน ส.ค.เมื่อคิดในรูปเงินบาท การส่งออกจะมีมูลค่า 464,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 3.8% โดยสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นทุกหมวด สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 12.3% โดยสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว อาหาร น้ำตาล ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมส่งออกเพิ่มขึ้น 17.6% โดยสินค้าสำคัญที่การส่งออกขยายตัวต่อเนื่องและสูงกว่า 15% ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์พลาสติก วัสดุก่อสร้าง และอัญมณี เป็นต้น
ด้านตลาดส่งออก พบว่า ในเดือน ส.ค.การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งตลาดหลักและตลาดใหม่ โดยตลาดใหม่ขยายตัว 28.7% ส่วนตลาดหลักขยายตัว 9%
อย่างไรก็ดี การส่งออกไปยังตลาดหลักมีการขยายตัวต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น สหภาพยุโรปโต 20% ตลาดอาเซียน 17.3% และญี่ปุ่น 8.1% แต่ทั้งนี้ตลาดสหรัฐอเมริกาพบว่าการส่งออกลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยสินค้าสำคัญที่ส่งออกลดลง ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ อาหารทะเลกระป๋อง อัญมณี อันเนื่องจากการแข่งขันในตลาดสหรัฐ การแข็งค่าของเงินบาท และการถูกตัดจีเอสพีในสินค้าดังกล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกเดือน ส.ค.ที่กลับมาเติบโตสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกเดือน ก.ค.ขยายตัวเพียง 6% นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชนผู้ส่งออกเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในทุกเดือนและได้รับคำยืนยันว่า ยังมีออร์เดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การส่งออกในทั้งปีนี้เป็นไปได้ตามเป้าหมาย 12.5% ที่ตั้งไว้
"เราแปลกใจแค่เดือนก่อนที่โต 6% แต่เดือนนี้ที่ขึ้นมาเราไม่แปลกใจ เราคุยกับเอกชนทุกเดือนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ตลาดไหนเพิ่ม ตลาดไหนลด ก็ได้รับคำยืนยันว่ายังมีออร์เดอร์อยู่หนาแน่น...ตอนนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ส่งออก 7-8 เดือนปีนี้โตได้เกือบ 18% ควรจะต้องพิจารณาจากเม็ดเงิน มูลค่าส่งออกที่ได้รับจริง ซึ่งสิงหาฯ สูงอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน แต่ก็ต้องเตรียมตัวว่าในอนาคตเราคงจะเบ่งให้โตเท่านี้ไม่ได้ทุกเดือน" รมว.พาณิชย์ กล่าว
อย่างไรก็ดี กรมส่งเสริมการส่งออกได้ประเมินสถานการณ์ส่งออกสินค้าในปี 51 จากการหารือร่วมกับภาคเอกชน โดยยังเชื่อมั่นว่าในปีนี้จะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนด โดยมีปัจจัยสนับสนุน 3 ประการ คือ ภาวะเศรษฐกิจและการค้าของโลก รวมทั้งตลาดส่งออกสำคัญยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้นสหรัฐที่การขยายตัวลดลง, ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงตั้งแต่กลางเดือน ส.ค. และ กระทรวงพาณิชย์และผู้ส่งออกร่วมบุกเบิกและขยายตลาด ทั้งตลาดหลักและตลาดใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การส่งออก 4 เดือนหลังของปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีคำสั่งซื้อเข้ามามาก ในช่วงคริสมาสต์และปีใหม่สามารถขยายตัวได้เพิ่มขึ้นและทำให้การส่งออกทั้งปีบรรลุได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ศศิธร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--