นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ด้วย สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลให้ผู้ ประกอบการเอสเอ็มอีไทยบางกลุ่มยังมีรายได้ไม่เพียงพอเพื่อประคับประคองธุรกิจ ธปท. จึงปรับปรุงเกณฑ์ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ดำเนินการได้ใน ชั้นนี้เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19 (ซอฟต์โลน) ให้มี ความยืดหยุ่นเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปรับนิยามคำว่า "กลุ่มธุรกิจ" ที่เป็นหนึ่งในเกณฑ์การพิจารณาให้สินเชื่อ โดยแยกพิจารณาความสัมพันธ์ของบุคคลธรรมดา ออกจากนิติบุคคล พร้อมทั้งนับความสัมพันธ์ให้เหลือเพียงลำดับเดียว ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อซอฟต์โลนได้ง่ายขึ้น
ประเภทการขอสินเชื่อ นิยาม "กลุ่มธุรกิจ" เกณฑ์เดิม นิยาม "กลุ่มธุรกิจ" เกณฑ์ปรับใหม่ มีผล 1 ม. ค.64 บุคคลธรรมดา พิจารณาจากบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด พิจารณาเฉพาะสามี-ภรรยาตามกฎหมาย จนเปรียบเสมือนเป็นการให้สินเชื่อแก่บุคคลเดียวกัน นิติบุคคล พิจารณาบริษัทร่วมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พิจารณาเฉพาะบริษัทแม่ที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทลูกเกิน 50% เพียงลำดับเดียว บุคคลธรรมดา พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่นับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคล ธรรมดา และนิติบุคคล ร่วมกับนิติบุคคล ร่วมกับนิติบุคคล
2. เปลี่ยนวิธีปฏิบัติเรื่องจำนวนครั้งในการขอสินเชื่อ โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอียื่นขอกู้ซอฟต์โลนได้ไม่เกิน 2 ครั้ง จาก เดิมที่กำหนดให้ยื่นขอกู้ได้เพียงครั้งเดียว ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ยังมีวงเงินกู้ซอฟต์โลนเหลืออยู่ สามารถกลับมายื่นขอสินเชื่อได้อีก ครั้ง
ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวได้ผ่อนปรนเพิ่มเติมหลังจากที่ได้ขยายให้รองรับบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด MAI และขยาย เวลาขอสินเชื่ออีก 6 เดือนไปในช่วงก่อนหน้า ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถยื่นขอสินเชื่อซอฟต์โลนจากสถาบันการเงินได้แล้ว โดย สถาบันการเงินต้องยื่นขอสินเชื่อซอฟต์โลนให้ ธปท.อนุมัติก่อนวันที่ 18 เมษายน 2564