กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน พ.ย.63 ขยายตัว 0.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 19 เดือนนับจากเหตุการณ์สงครามการค้าและการระบาดของไวรัสโควิด- 19 สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการควบคุมการระบาดได้ดีและมาตรการของภาครัฐที่กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งนี้ ยังคงจำเป็นต้องจับตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า MPI เดือน พ.ย.63 ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 19 เดือนนับจากเหตุการณ์สงครามการค้าและการระบาดของไวรัสโควิด-19 สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรมได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการควบคุมการระบาดได้ดีและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมสำคัญอย่างอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ขยายตัว 10.02% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการระบาด ขณะที่การส่งออกหดตัวเล็กน้อย 0.87%
"เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้น มีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจากการที่หลายประเทศมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้รับข่าวดีจากความคืบหน้าของวัคซีนโควิด-19 ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการผลิตและการบริโภค การระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นต้องควบคุมสถานการณ์ไม่ให้การแผ่ระบาดขยายตัวออกไปเป็นวงกว้าง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยและการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้กลับมาอีกครั้ง" นายสุริยะ กล่าว
ด้านนายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศทยอยกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในประเทศอันเนื่องมาจากมาตรการของภาครัฐที่กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งส่งผลในแง่บวกสะท้อนได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมสำคัญอย่างอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมที่ขยายตัว 4.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาขยายตัว 10.02% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน พ.ย.63 ที่เพิ่มจากระดับ 63.19 ในปีก่อนมาอยู่ที่ 64.80 ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน พ.ย.63 กลับมาขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวจากเดือน ต.ค.63 ที่ 1.77%
อุตสาหกรรมหลักที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการในชีวิตวิถีใหม่ อาทิ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.00% และอุตสาหกรรมถุงมือยางขยายตัว 14.71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่อุตสาหกรรมหลักๆ ที่เริ่มฟื้นกลับมาขยายตัวอีกครั้ง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์และเครื่องยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการซื้อในประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมยางรถยนต์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องกลับมาขยายตัว 11.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวได้ดีในเดือน พ.ย. ได้แก่ รถยนต์ และเครื่องยนต์ ขยายตัว 10.02% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการซื้อในกลุ่มสินค้ารถปิคอัพและรถยนต์นั่งขนาดเล็กขยายตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีปัจจัยหลักจากกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัวได้ดีขึ้น ตามราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูง และการเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงงาน Motor Expor 2020 (2-13 ธ.ค.63) รวมถึงคำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าต่างๆ ที่เริ่มมีมากขึ้น
น้ำมันปิโตรเลียม ขยายตัว 4.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโรงกลั่นและบริษัทหลายแห่งหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ในปีก่อน แต่ปีนี้มีการซ่อมบำรุงเพียงบางแห่งและเริ่มกลับมาผลิตตามปกติแล้ว
ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัว 7.71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกที่มีทิศทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทหน่วยความจำ sensors และ Integrated Circuit เป็นต้น
เภสัชภัณฑ์ ขยายตัว 19.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ยาเม็ด ยาน้ำ ยาแคปซูล และยาฉีด เป็นหลัก เนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของผู้ผลิตได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพราะผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเทียบเท่าต่างประเทศ รวมถึงผู้ผลิตบางรายสามารถเพิ่มการผลิตได้สูงขึ้นหลังขยายอาคารเก็บรักษายาตั้งแต่ปลายปีก่อน
มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขยายตัว 31.29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์มอเตอร์และหม้อแปลงไฟฟ้า เนื่องจากความต้องการใช้ในช่วงการกักตัวอยู่บ้านของลูกค้าประเทศต่าง ๆ โดยเป็นมอเตอร์ปั๊มน้ำสำหรับสระว่ายน้ำ ส่งผลให้การส่งออกเพิ่มขึ้น 82.66% สำหรับหม้อแปลงไฟฟ้าเดือนนี้เป็นหม้อแปลงขนาดเล็กกำลังไฟต่ำจึงผลิตได้มากกว่าปกติ