น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามกรอบความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปี 2564-2566 สำหรับสินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป แยกเป็นรายละเอียดดังนี้
- เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ปริมาณในโควตา 3.15 ตันต่อปี อัตราภาษีในโควตา 0% นอกโควตา 218%
- หอมหัวใหญ่ ปริมาณในโควตา 764 ตันต่อปี อัตราภาษีในโควตา 27% นอกโควตา 142%
- หัวพันธุ์มันฝรั่ง ปริมาณในโควตาไม่จำกัดจำนวน อัตราภาษีในโควตา 0% นอกโควตา 125%
- หัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ปริมาณในโควตาปี 2564 จำนวน 63,000 ตัน ปี 2565 จำนวน 71,000 ตัน และปี 2566 จำนวน 80,000 ตัน อัตราภาษีในโควตา 27% และนอกโควตา 125%
ทั้งนี้ การเปิดตลาดสินค้าดังกล่าวตามกรอบ WTO จะไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ผลิตภายในประเทศ และยังเป็นการช่วยสนับสนุนให้เกษตรกรได้ใช้เมล็ดพันธุ์นำเข้าในราคาที่เหมาะสม โดยสินค้าหอมหัวใหญ่ที่นำเข้า จะเป็นชนิดแห้งเป็นผงและไม่เป็นผง ซึ่งประเทศไทยไม่สามารถผลิตได้ ส่วนสินค้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป มีผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ภายในประเทศ และเป็นการให้สหกรณ์ซึ่งมีเกษตรกรเป็นสมาชิก มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้วย โดยเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ จะให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนหัวพันธุ์มันฝรั่ง จะให้มีการพิจารณาจัดสรรการนำเข้าปีละ 3 ครั้ง เพื่อนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก ให้นิติบุคคลเป็นผู้นำเข้าและให้ผู้นำเข้าทำหนังสือรับรองพื้นที่เพาะปลูก โดยผู้นำเข้าต้องจำหน่ายหัวพันธุ์มันฝรั่งให้แก่เกษตรกรไม่เกินกิโลกรัมละ 35 บาท และรับซื้อหัวมันฝรั่งสดจากเกษตรกร ในราคาดังนี้ ในช่วงฤดูฝน ช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม ราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 14 บาท ในช่วงฤดูแล้ง เดือนมกราคม-มิถุนายน ในปีเพาะปลูก 2564/2565 และ 2565/2566 ราคาไม่ต่ำกว่า กก. 10.80 บาท และในปีเพาะปลูก 2566/2567 ราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 11 บาท
ส่วนหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ผู้นำเข้าต้องเป็นนิติบุคคล และต้องรับซื้อหัวมันฝรั่งสดจากเกษตรกรในราคาเดียวกับผู้นำเข้าหัวพันธุ์มันฝรั่ง และให้นำเข้าได้ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคมของทุกปี