นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน (Co-Payment) กรอบวงเงิน 1.94 หมื่นล้านบาท เพื่อส่งเสริมการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ 2.6 แสนอัตรา จากการประเมินผลโครงการฯ ช่วง 1 ต.ค.-18 ธ.ค.63
ปัจจุบัน พบว่า ยังมีผู้จบการศึกษาใหม่ที่ไม่สามารถเข้าโครงการได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ คือ ต้องเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม และจบการศึกษาในปีการศึกษา 2562 หรือ จบในปี 63 ทั้งนี้ ในสภาพความเป็นจริง มีนักศึกษาจบใหม่จำนวนมากอยู่ในระบบประกันสังคมมาแล้ว 1-6 เดือน แต่ต้องออกจากงานในขณะที่ยังไม่ผ่านการทดลองงาน เพราะนายจ้างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อีกทั้งคาดว่าจะมีนักศึกษาจบใหม่ในปี 64 จำนวน 4.27 แสนคน
ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการจ้างงานที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงมีมติอนุมัติปรับปรุงเงื่อนไขโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.64 จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.64 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.ปรับคุณสมบัติผู้จบการศึกษาใหม่ คือ 1)ผู้มีสัญชาติไทย 2)มีอายุไม่เกิน 25 ปี หากอายุเกิน 25 ปี ต้องจบการศึกษาปี 2562 เป็นต้นไป จากเดิมที่กำหนดไว้ คือ 1)มีสัญชาติไทยและไม่เคยอยู่ในระบบประกันสังคม ยกเว้นกรณีมีผู้จบการศึกษาใหม่ที่อยู่ในระบบประกันสังคม เนื่องจากการทำงานนอกเวลาเรียนในระหว่างที่กำลังศึกษา และ 2)มีอายุไม่เกิน 25 ปี หรืออายุเกิน 25 ปี จบการศึกษาประจำปีการศึกษา 2562 หรือจบภายในปี 63
2 เงื่อนไขสำหรับนายจ้าง ปรับใหม่เป็น ให้เป็นไปตามข้อตกลงการจ้างงานระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ต้องไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัด ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง โดยรัฐบาลให้การอุดหนุนเงินเดือน ไม่เกินร้อยละ 50 ต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ รัฐบาลจะจ่ายเงินอุดหนุนเป็นไปตามวุฒิการศึกษา ได้แก่ ปริญญาตรี ไม่เกิน 7,500 บาท ปวส. ไม่เกิน 5,750 บาท ปวช. ไม่เกิน 4,700 และ ม.6 ไม่เกิน 4,345 บาท จากเดิมที่กำหนดไว้ คือ ค่าจ้างตามวุฒิการศึกษา ได้แก่ ปริญญาตรี ไม่เกิน 15,000 บาท ปวส. ไม่เกิน 11,500 บาท ปวช. ไม่เกิน 9,400 และ ม.6 ไม่เกิน 8,690 บาท
3.เงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ลูกจ้าง ปรับใหม่เป็น รัฐจ่ายเงินอุดหนุน 3 ครั้งต่อเดือน จากเดิมที่กำหนดให้ นายจ้างจ่ายค่าจ้างเดือนละ 1 ครั้ง (ภายในสิ้นเดือน) เพื่อให้สอดคล้องกับรอบการจ่ายเงินค่าจ้างของนายจ้าง ดังนี้ 1)นายจ้างจ่ายค่าจ้างภายในสิ้นเดือน รัฐจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป 2)นายจ้างจ่ายค่าจ้างหลังสิ้นเดือน (ภายในวันที่ 1-5 ของเดือนถัดไป) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป 3)นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามข้อ 1 และ ข้อ 2 แต่การจัดทำเอกสารในระบบไม่สมบูรณ์ รัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
4.ขยายระยะเวลาการดำเนินงานของโครงการ จากเดิม คือ ระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน (ปีงบประมาณ 2564 เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.63 ถึง 30 ก.ย.64) ขยายไปจนถึง 31 ธ.ค.64 เพื่อให้ลูกจ้างที่เข้าร่วมโครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ครบ 1 สิทธิ 1 ปี ต่อ 1 คน ระยะเวลาการจ้างงานครบ 12 เดือน แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค.64