ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก:ดอลล์ร่วงเทียบเยน-ยูโร หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐแผ่ว

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเกือบแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลจ้างงานของสหรัฐ และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.3808 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3768 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยในระหว่างวันนั้น ยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1.3816 ดอลลาร์ต่อยูโร 
          ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งขึ้นแตะระดับ 2.00279 ดอลลาร์ต่อปอนด์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 2.0329 ดอลลาร์ต่อปอนด์ และดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับ 113.56 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 113.34 เยนต่อดอลลาร์ หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ที่ชะลอตัวลง
          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆทั้ง 3 สกุล หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานใหม่นอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ลดลง 4,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2546 ขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ที่ระดับ 4.6% เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน 
          สำคัญสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขการจ้างงานลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีนั้น เป็นผลมาจากคนงานในภาคการผลิตและการก่อสร้างร่วงลงอย่างมาก โดยภาคการผลิตร่วงลง 46,000 ตำแหน่ง และคนงานก่อสร้างลดลง 22,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2546
          นายเดวิด โจนส์ นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์กล่าวว่า "ค่าเงินดอลลาร์ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากข้อมูลจ้างงานของสหรัฐได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุน และคาดว่านักลงทุนจะจับตาดูว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้านี้หรือไม่ ซึ่งหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ก็จะยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับสกุลเงินดอลลาร์หนักขึ้น"
          ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยแม้เป็นยุทธศาสตร์ที่ธนาคารกลางใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อค่าเงิน เพราะจะทำให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินนั้นๆมีมูลค่าน้อยลงและไม่น่าดึงดูดใจ