อุตสาหกรรมชาของอินเดียซึ่งกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากชาติคู่แข่งที่ผลิตชาถูกกว่า เตรียมใช้ยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อต่อสู้ในการเพิ่มผลผลิตและยอดขาย
อินเดียเป็นผู้ผลิตชารายใหญ่อันดับ 2 ของโลก โดยเมื่อปี 2549 ที่ผ่านมาอินเดียผลิตชาได้ 955 ล้านกิโลกรัม ซึ่งรัฐอัสสัมผลิตได้ 55% ของชาทั้งหมด แต่เผชิญกับความกดดันด้านราคามาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 90
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า จีนเป็นผู้ผลิตชารายใหญ่ของโลก เมื่อปีที่แล้วจีนผลิตได้ 1.02 พันล้านกิโลกรัม
"ยุทธศาสตร์ชาใหม่เพื่อเพิ่มทั้งวอลุ่มและมูลค่าการส่งออก เรากำลังได้ผลดี และปี 2550 จะเป็นปีที่ดีมากสำหรับชาอินเดีย" ชัยราม ราเมช รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์อินเดีย กล่าว
เมื่อเดือนมิถุนายนรัฐบาลอินเดียทุ่มงบประมาณกว่า 4.8 หมื่นล้านรูปีย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ด้อยศักยภาพการแข่งขันปลูกต้นชาใหม่แทนต้นชาอายุเก่าแก่ และโครงการกองทุนชาเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ คาดว่าจะครอบคลุมพื้นที่ 2 แสนเฮคเตอร์ ในไร่ชากว่า 1 พันแห่ง รัฐบาลอินเดียคาดว่า ผลผลิตชาจะกระโดดขึ้นเกือบถึง 40% ทันทีที่มีการปลูกต้นชาใหม่แทนต้นที่อายุเกิน 50 ปี
อุตสาหกรรมชามูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีของอินเดียต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติ โดยราคาประมูลรายสัปดาห์ตกลงมาตั้งแต่ปี 2541 และการส่งออกก็หดตัวลง แต่ขณะนี้อุตสาหกรรมชากำลังส่งสัญญาณการฟื้นตัว เมื่อพิจารณาจากราคาชาคุณภาพดี 1 กิโลกรัมอยู่ที่ 73 รูปีย์ในการประมูลสัปดาห์ล่าสุด เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ย 68 รูปีย์ต่อกิโลกรัมเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ การส่งออกและราคาชาของอินเดียที่ตกลง ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากผู้เพาะปลูกชารายใหม่ผลิตชาด้อยคุณภาพและราคาถูกกว่า อาทิ เวียดนาม บังกลาเทศ และอิหร่าน ซึ่งหมายถึงชาอินเดียต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นในตลาดโลก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร โทร.0-2253-5050 อีเมล์: ruedee@infoquest.co.th--