Henley Passport Index ต้นแบบการจัดอันดับหนังสือเดินทางทั่วโลกตามจำนวนจุดหมายปลายทางที่ผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศหนึ่ง ๆ สามารถเดินทางเข้าได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าก่อนนั้น ได้เปิดเผยผลการจัดทำดัชนีล่าสุด ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับเสรีภาพในการเดินทางในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
หากไม่นำข้อจำกัดชั่วคราวมาพิจารณาร่วมด้วย ผลปรากฏว่า ญี่ปุ่นยังคงครองอันดับหนึ่ง โดยผู้ถือหนังสือเดินทางญี่ปุ่นสามารถเดินทางเข้าประเทศและดินแดน 191 แห่งโดยไม่ต้องขอวีซ่า นับเป็นปีที่สามแล้วที่ญี่ปุ่นครองอันดับหนึ่งในดัชนี ซึ่งจัดทำขึ้นโดยอิงข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association หรือ IATA)
นอกจากนี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังยึดครองอันดับในดัชนีได้อย่างเหนียวแน่น โดยสิงคโปร์ตามมาในอันดับที่ 2 จากการที่ผู้ถือหนังสือเดินทางสิงคโปร์สามารถเข้าประเทศและดินแดนต่าง ๆ ได้ 190 แห่ง เกาหลีใต้อยู่ในอันดับที่ 3 ร่วมกับเยอรมนี โดยผู้ถือหนังสือเดินทางของเกาหลีใต้และเยอรมนีสามารถเข้าประเทศและดินแดน 189 แห่งโดยไม่ต้องขอวีซ่า (visa-free) หรือขอรับการตรวจลงตราที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (visa-on-arrival)
ในประวัติศาสตร์ 16 ปีของการจัดทำดัชนีนั้น ปกติแล้วอันดับต้น ๆ จะตกเป็นของประเทศในสหภาพยุโรป (EU) สหราชอาณาจักร หรือสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เริ่มเข้ามาครองดัชนีและจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคจะเริ่มฟื้นตัวจากโรคระบาดเป็นประเทศแรก ๆ
Dr. Christian H. Kaelin ประธานของ Henley & Partners และผู้คิดค้นแนวคิดในการจัดทำดัชนีหนังสือเดินทาง กล่าวว่า ดุลอำนาจกำลังเปลี่ยนไป เหตุเพราะสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรยังคงเผชิญความท้าทายใหญ่หลวงอันเนื่องมาจากไวรัส "ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา หนังสือเดินทางสหรัฐหล่นลงจากอันดับหนึ่งจนกระทั่งมาอยู่ที่อันดับ 7 ร่วมกับสหราชอาณาจักรในปัจจุบัน เนื่องด้วยการควบคุมการเดินทางเพื่อสกัดการแพร่ระบาด นักเดินทางจากสองประเทศจึงต้องพบเจอกับข้อจำกัดต่าง ๆ จากกว่า 105 ประเทศ โดยผู้ถือหนังสือเดินทางสหรัฐอเมริกาสามารถเดินทางเข้าประเทศและดินแดนต่าง ๆ ได้น้อยกว่า 75 แห่ง ขณะที่ผู้ถือหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักรเข้าประเทศและดินแดนต่าง ๆ ได้ไม่ถึง 70 แห่ง"
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวถึงอนาคตของการเดินทางทั่วโลกว่า เราไม่สามารถคาดหวังว่ารูปแบบของการเดินทางจะกลับมาเหมือนกับในช่วงก่อนการระบาด Dr. Parag Khanna ผู้ก่อตั้ง FutureMap กล่าวว่า การพิจารณาแต่สัญชาติเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพออีกต่อไปแล้วที่จะรับประกันความปลอดภัยในการเดินทาง