มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ผลประกอบการสุทธิของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 3 ลดลง 17% หลังจากที่บริษัทได้ตัดบัญชีเงินกู้หนี้สูญและขาดทุนจำนวนมากจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ที่รุนแรงที่สุดในตลาดสินเชื่อเช่นเดียวกับบริษัทโบรกเกอร์รายอื่นๆ
ตัวเลขขาดทุนดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าที่วอลล์สตรีทเคยประเมินไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์และนักลงทุนคาดการณ์ว่า เลห์แมน บราเธอร์ส ซึ่งเป็นอันเดอร์ไรทเตอร์ตราสารหนี้ที่ค้ำจุนโดยสินเชื่อจำนองรายใหญ่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์สินเชื่อมากกว่าบริษัทอื่นๆ เนื่องจากธุรกิจของบริษัทมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับตลาดตราสารหนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--