ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.12/14 แข็งค่าตามเงินหยวน คาดกรอบพรุ่งนี้ 30.00-30.25

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 11, 2021 17:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.12/14 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 30.15/19 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทระหว่างวันปรับตัวอยู่ในกรอบแคบ แต่ปิดตลาดปรับแข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้า โดยเงินบาทค่อยๆ ปรับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางของเงิน หยวนที่ปรับแข็งค่าขึ้น ภายหลังตัวเลขการส่งออกในเดือนธ.ค.63 ของจีนที่ออกมาดี

"เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย เป็นผลจากเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค.ออกมาดี และอีกส่วนหนึ่ง เป็นผลจากแรง ซื้อ-แรงขายในระหว่างวัน แต่ในภาพ วันนี้บาทก็แกว่งค่อนข้างแคบ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00 - 30.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.07/09 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 104.16 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2159/2163 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2180 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,536.49 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด (+0.00%) มูลค่าการซื้อขาย 93,806 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 484.76 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงภาวะหนี้ครัวเรือนปี 63 ว่า ครัวเรือนไทยมีหนี้สินรวม 4.83
แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.3% ถือว่าสูงสุดในรอบ 12 ปีทั้งในส่วนของมูลค่าหนี้สิน และอัตราการขยายตัว โดยมูลค่าหนี้สินกว่า 4.83 แสนล้านบาทนี้ พบ
ว่าสัดส่วน 75.3% เป็นหนี้ในระบบ และที่เหลืออีก 24.7% เป็นหนี้นอกระบบ อย่างไรก็ดีสถานการณ์ถือว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะสัดส่วนของหนี้ครัวเรือน
ส่วนใหญั่ยังเป็นการก่อหนี้ที่อยู่ในระบบมากกว่าหนี้นอกระบบ และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
  • กระทรวงการคลัง สรุปการเปิดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง รอบเก็บตกแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนม.ค.นี้ โดยจะเสนอให้
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในหลักการก่อน โดยเบื้องต้น พบว่ายังมีสิทธิคงเหลือให้เปิดลงทะเบียนอีกราว 1 ล้านสิทธิ ซึ่งมาจาก
โครงการคนละครึ่งเฟสแรก ที่มีสิทธิคงเหลือ 5 แสนสิทธิ และจากเฟส 2 ที่มีผู้ไม่ผ่านเกณฑ์อีก 5 แสนสิทธิ
  • ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ธ.ค.63 อยู่ที่ระดับ 31.8 ลดลงจากเดือนพ.ย.63 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 33.7 โดยปัจจัยลบสำคัญที่ทำให้ดัชนี
ปรับลดลง ได้แก่ ความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่, การยกเลิกจัดงานปีใหม่ในหลายพื้นที่, ความกังวลเกี่ยวกับการล็อก
ดาวน์อีกครั้ง, คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดประมารการเศรษฐกิจไทยปี 64 ลงเหลือ 3.2% จากเดิมที่คาดไว้ 3.6%, ราคาน้ำมัน
ขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น, การส่งออกของไทยเดือนพ.ย.63 ลดลง -3.65% และเงินบาทแข็งค่า
  • สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในเดือน ธ.ค.63 พบว่า ดัชนีฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 130.63
ปรับตัวลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ในเกณฑ์ "ร้อนแรงอย่างมาก" มาอยู่ในเกณฑ์ "ร้อนแรง" ซึ่งการเคลื่อนไหวของดัชนียังสะท้อนความเชื่อ
มั่นของนักลงทุนเมื่อเทียบกับความเคลื่อนไหวของดัชนีตลอดทั้งปี โดยนักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมา คือการ
เติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การท่องเที่ยว รองลงมาคือ
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
  • คณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีน (CBIRC) สั่งปรับสถาบันการเงินและนักลงทุนทั่วไป คิดเป็นเงิน
เกือบ 200 ล้านหยวน (ประมาณ 30.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งนับเป็นการกวาดล้างการละเมิดกฎระเบียบทางการเงินเป็นครั้งแรกในปีนี้
  • Bitcoin ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในช่วงเช้านี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัย
หนุนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า และส่งผลให้บรรดาสินทรัพย์ปลอดภัยมีความน่าดึงดูดน้อยลง
  • สหรัฐฯ จะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book)
จากธนาคารกลางสหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. เป็น
ต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ