PwC เผยแพร่รายงานวิเคราะห์ Global M&A Industry Trends ฉบับล่าสุด พบว่าภาคธุรกิจหันมาทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) กันมากขึ้น แม้เผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยธุรกิจสายเทคโนโลยีและโทรคมนาคมมีการเติบโตสูงสุด เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่ต้องการมากขึ้น
รายงานดังกล่าวระบุว่า การเจรจาทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการพุ่งขึ้นในครึ่งหลังของปี 2563 โดยปริมาณข้อตกลงเพิ่มขึ้น 18% ทั่วโลก ขณะที่มูลค่าข้อตกลงเพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก นอกจากนี้ ปริมาณและมูลค่าข้อตกลงยังปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งคู่เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562
มูลค่าข้อตกลง M&A ปรับตัวเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2563 โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการเพิ่มขึ้นของข้อตกลงขนาดใหญ่ (วงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ขึ้นไป) ในภาพรวมนั้น มีการประกาศข้อตกลงขนาดใหญ่ทั้งสิ้น 56 ครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปีที่มี 27 ครั้ง
ภาคเทคโนโลยีและโทรคมนาคมมีปริมาณและมูลค่าการทำข้อตกลง M&A เติบโตมากที่สุดในครึ่งหลังของปี 2563 โดยปริมาณข้อตกลงในภาคเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้น 34% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 118% ส่วนปริมาณข้อตกลงในภาคโทรคมนาคมเพิ่มขึ้น 15% และมูลค่าทะยานขึ้นเกือบ 300% เพราะมีข้อตกลงขนาดใหญ่ 3 ฉบับในภาคโทรคมนาคม
เมื่อดูตามภูมิภาคแล้ว ทวีปอเมริกามีปริมาณข้อตกลง M&A เพิ่มขึ้น 20% ยุโรป ตะวันออกกลาง กับแอฟริกาเพิ่มขึ้น 17% และเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบระหว่างครึ่งแรกและครึ่งหลังของปี 2563 โดยทวีปอเมริกามีมูลค่าข้อตกลงเพิ่มขึ้นมากที่สุดกว่า 200% เพราะมีการทำข้อตกลงขนาดใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของปี
นอกจากนี้ นักเจรจาข้อตกลงยังนำปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มาพิจารณาประกอบการตัดสินใจด้วย เพื่อคุ้มครองและเพิ่มพูนผลตอบแทนให้ถึงขีดสุดจากมูลค่าที่สูงและความต้องการอันดุเดือด
ขณะเดียวกัน ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทที่มีจุดประสงค์พิเศษในการซื้อกิจการ (SPAC) ได้กลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น เพื่อใช้ระดมทุนซื้อกิจการในตลาด IPO อันคึกคัก โดยเมื่อปี 2563 บริษัทในกลุ่ม SPAC ระดมทุนได้ประมาณ 7 หมื่นล้านดอลลาร์