นายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกประกาศเพื่อปรับอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายอยู่ที่ 104 บาท ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.64 นั้น กรมรางฯพิจารณาแล้วเห็นว่าอัตราดังกล่าวสร้างภาระค่าเดินทางให้แก่ประชาชนและไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 พ.ย.61
กรมรางฯ จึงได้ส่งหนังสือถึง กทม.เพื่อเชิญประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาข้อสรุปที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนร่วมกัน และขอให้ชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวในวันที่ 16 ก.พ. 64 นี้ออกไปก่อนจนกว่าจะมีการพิจารณาและได้ข้อสรุปร่วมกันที่คาดว่าจะเริ่มประชุมภายในสัปดาห์นี้เพื่อเร่งหาข้อสรุปให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ กรมรางฯ ได้มีข้อเสนอแนะในการขยายสัญญาสัมปทาน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า การคิดอัตราค่าโดยสารนั้นต้องคำนึงถึงความเหมาะสม และวิเคราะห์จากต้นทุนที่แท้จริงและควรกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ถูกที่สุด เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ ซึ่งจะแก้ปัญหาการจราจรใน กทม. อีกด้วย
ปัจจุบันพบว่า ผู้มีรายได้น้อยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งคิดเป็น 35% ของค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่และเห็นว่าหากกำหนดราคาถูกลงจาก 65 บาทตลอดสาย ในอนาคตจะทำให้ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นเส้นหลักของเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ย่อมส่งผลให้สามารถลดอัตราค่าโดยสารลงได้มากกว่านี้อีกด้วย
อนึ่ง ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 26 พ.ย.61 ในการโอนทรัพย์สิน หนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้กทม. นั้นเจตนารมณ์ของมติ ครม.ให้กระทรวงคมนาคม และกทม. บูรณาการร่วมกันในการกำหนดอัตราแรกเข้า อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม และไม่เป็นภาระแก่ประชาชนสอดคล้องกับค่าครองชีพของผู้ใช้บริการ
สำหรับ อัตราค่าโดยสาร รถไฟฟ้าสายสีเขียว มีการแบ่ง 4 ช่วงคือ. 1.ช่วงสัมปทานของบีทีเอส (หมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาฯ-สะพานตากสิน) ค่าโดยสาร 16-44 บาท 2.ส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต ค่าโดยสาร 15-45 บาท (ปรับเพิ่มขึ้นสถานีละ 3 บาท) 3.ส่วนต่อขยายอ่อนนุช-เคหะสมุทรปราการ 15-45 บาท (ปรับเพิ่มขึ้นสถานีละ 3 บาท). 4.ส่วนต่อขยายสะพานตากสิน-บางหว้า 15-33 บาท (ปรับเพิ่มขึ้นสถานีละ 3 บาท)