"โฆสิต"ระบุทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับมือความผันผวนศก.โลกที่อาจกระทบศก.ไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 20, 2007 14:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

         นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเตรียมพร้อมมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่จะมีต่อราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท อัตราดอกเบี้ย และการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ แต่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
"คงต้องจับตาดูปัจจัยต่างประเทศที่ไม่สามารถไปควบคุมได้ ส่วนปัจจัยในประเทศนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว" นายโฆสิต กล่าว
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นย่อมส่งผลกระทบเรื่องต้นทุนสินค้าบางอย่าง ซึ่งเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งคงต้องดูเรื่องอัตราเงินเฟ้อ หากสามารถดูแลให้อยู่ในอัตราไม่เกิน 3.0-3.5% ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
"เศรษฐกิจของเราเรียกได้ว่าเดินสายกลางไม่ได้ไปสนับสนุนหรือเร่งด้านใดจนสุดโต่ง เราจะควบคุมทุกอย่างเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ แต่เรื่องของน้ำมันไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วงว่าจะกระทบของเราร้ายแรง เพราะทั่วโลกก็โดนหมด มันทำให้ต้นทุนบางอย่างสูงขึ้น ซึ่งเราก็ปรับตัวได้" นายโฆสิต กล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางซื่อ-บางใหญ่)คาดว่า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะตรวจสอบแผนงานเสร็จแล้วจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในวันที่ 2 ต.ค.นี้
ส่วนการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศหลังธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ก็เป็นเรื่องปกติ
"เป็นเรื่องปกติ หากไม่ไหลเข้าก็ต้องไหลออก แต่รัฐบาลมีกลไกดูแลที่มีประสิทธิภาพดีกว่าในอดีต โดยเฉพาะ 6 มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะสามารถควบคุมสถานการณ์การเงินให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น และจะไม่เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือวิกฤติค่าเงินรุนแรงอย่างแน่นอน"นายโฆสิต กล่าว
ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ(BBL)กล่าวถึงการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดว่า น่าจะมีสาเหตุหลักจากปัจจัยในประเทศของสหรัฐเอง และไม่ควรนำมาผูกกับเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเศรษฐกิจของไทย เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศไม่ได้มีความสัมพันธ์กันโดยตรง ต่างคนต่างมีตลาดของตัวเอง
ส่วนจะมีผลกดดันต่อการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในเดือน ต.ค.นี้หรือไม่ นายชาติศิริ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบเนื่องจากเป็นคนละตลาด เม็ดเงินในการไหลเข้าไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรมาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ