บทวิเคราะห์ของ บล.กิมเอ็ง ประเมินว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ลงอีก โดยคาดว่าธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ภายในสิ้นปีนี้ และหวังว่าจะนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของบรรดาธนาคารพาณิชย์ลงอีก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศได้ในที่สุด
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)เหลือกำหนดการประชุมเพียง 2 ครั้งในปีนี้คือ วันที่ 10 ตุลาคมและ 4 ธันวาคม
อย่างไรก็ตาม บล.กิมเอ็ง คาดว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยพัฒนาขึ้น แต่เรายังคงต้องการอุปสงค์ภายนอกที่แข็งแกร่ง โดยคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP)ปีนี้จะเติบโต 4% โดยเชื่อว่าอุปสงค์ภายในประเทศจะยังไม่ฟื้นตัวจนกว่าจะถึงเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้งช่วงปลายปีและการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดยาว ณ จุดนี้ ตัวแปรหลักคือการเติบโตของภาคส่งออกไทย และการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้ช่วยสนับสนุนภาพรวมได้ดี
นักวิเคราะห์ในตลาด Wall street ระบุว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจโลก บริษัทส่งออกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำ ส่วนโอกาสการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาดหุ้นไทยจะนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ เนื่องจากราคาสัญญาน้ำมันดิบเบากำมะถันต่ำล่วงหน้าสำหรับส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 1.81 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลเป็น 81.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลในช่วงบ่ายของการซื้อขาย
นอกจากนั้น การปรับลดดอกเบี้ยของสหรัฐจะช่วยยับยั้งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและช่วยให้สามารถยืนหยัดได้ท่ามกลางปัญหาวิกฤตด้านสินเชื่อ sub-prime และการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่มีการคาดการณ์ไว้ด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--