ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 29.95/30.01 จับตา กนง.ประเมินเศรษฐกิจไทย หลังโควิดระบาดรอบใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 2, 2021 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 29.95/30.01 บาท/ดอลลาร์ จากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 29.95/98 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทตลอดทั้งวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังจากที่ช่วงเช้าอ่อนค่าไปบ้าง อย่างไรก็ดี ตลาดรอผลประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) วันพรุ่งนี้ โดยในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น คาดว่า กนง.จะคงไว้ในระดับเดิม แต่ต้องติดตามว่าจะมีคอม เมนท์ต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยอย่างไร หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบสองในประเทศ

"พรุ่งนี้ คงต้องรอดูประชุม กนง. เรื่องดอกเบี้ยเชื่อว่ายังคงไว้ตามเดิม แต่ต้องดู comment ต่อ Outlook หลังจากมี ระบาดรอบใหม่ในประเทศ" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.90 - 30.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.70 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 104.85/88 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2045 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2078/2080 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,486.25 จุด เพิ่มขึ้น 8.20 จุด (+0.55%) มูลค่าการซื้อขาย 77,033 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,177.56 ลบ. (SET+MAI)
  • นายกรัฐมนตรีแล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้การหารือส่วนใหญ่เป็นเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา
ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ทั้งเรื่องวัคซีน การจัดสรรงบประมาณ และเรื่องแรงงาน รวมถึงการแก้ไขปัญหากฎหมาย โดย
ได้มอบหมายกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และสำนักงบประมาณ ไปหารือ
ร่วมกันเพื่อพิจารณาหามาตรการช่วยเหลือกลุ่มต่างๆที่ยังมีปัญหา โดยจะทยอยออกมามาตรการออกมาเรื่อยๆ
  • ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ได้ติดตามสถานการณ์รัฐ
ประหารในเมียนมาอย่างใกล้ชิด และพบว่ายังไม่มีลูกค้า EXIM BANK ได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนใน
โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศของเมียนมา
  • ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เผยภาวะการส่งออกของไทยในปี 63 ดีกว่าที่
คาดการณ์ไว้ โดยหดตัวลดลงมาที่ -6.01% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวมากถึง -10% แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจต่าง
ประเทศเริ่มฟื้นตัว และแนวโน้มน่าจะดีขึ้นหลังจากสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมาใช้งานได้แล้วช่วยให้สถานการณ์แพร่ระบาด
ของโควิด-19 คลี่คลาย โดยการส่งออกของไทยมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
  • ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ขู่ที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรกับเมียนมาอีกครั้ง เพื่อตอบโต้การรัฐประหารในเมียนมาหลังกองทัพ
เมียนมาเข้ายึดอำนาจการปกครองของรัฐบาลเมียนมา พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกดดันให้ทหารยอมทิ้งอำนาจลง
  • ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา หลังจากกองทัพได้ก่อรัฐประหารเพื่อยึด
อำนาจรัฐบาล โดยเวิลด์แบงก์เตือนว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในเมียนมามีความเสี่ยงที่จะ
เผชิญกับภาวะถดถอย และจะสร้างความเสียหายต่อแนวโน้มการพัฒนาประเทศ
  • สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 4.6% ในปี 2564 หลัง
จากที่หดตัวลง 3.5% ในปี 2563 ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ค.ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 4% หลังจากที่หด
ตัว 5.8% ในปี 2563
  • รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น และรัฐมนตรีคลังสหรัฐ เห็นพ้องที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะถดถอยของ

เศรษฐกิจโลก อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ