ศูนย์วิจัยซัมซุงชี้วิกฤตซับไพรม์สหรัฐส่งผลกระทบธุรกิจส่งออกเกาหลีใต้

          นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจซัมซุงของเกาหลีใต้กล่าวในวันนี้ว่า การส่งออกของเกาหลีใต้อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐ เนื่องจากสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกหดตัวลดลงอย่างหนัก
          "มีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาระหว่างการส่งออกของเกาหลีใต้และเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเกาหลีใต้ได้มุ่งความสนใจเรื่องการส่งออกไปยังตลาดในเอเชียมากขึ้น" นายฮวาง อิน-ซอง นักเศรษฐศาสตร์จากศูนย์วิจัยกล่าว
          นายฮวางกล่าวว่า ตลาดสหรัฐไม่ต้องการสินค้าส่งออก โดยเกาหลีใต้สามารถส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐได้เพียง 13% เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งต่ำกว่าระดับในช่วงปี 2523 ที่ 34%
          อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันจีนและตลาดอื่นๆในเอเชียเป็นตลาดส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น โดยมียอดส่งออกเพิ่มขึ้นประมาณ 37%
          "เศรษฐกิจของสหรัฐที่ชะลอตัวลงจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเกาหลีใต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การค้าภายในภูมิภาคเอเชียที่คึกคักมีแนวโน้มว่าจะสามารถชดเชยผลกระทบจากการส่งออกไปยังสหรัฐที่ลดลงได้" นายฮวางกล่าว
          ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือนส.ค.ขยายตัวขึ้นในอัตรา 2 หลักในรอบ 18 เดือน เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการเหล็ก รถยนต์ และเรือขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งในช่วงเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถทดแทนการส่งออกสินค้าไฮเทค
          บรรดาผู้ส่งออกเซมิคอนดัคเตอร์ชิพและสินค้าไฮเทคอื่นๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราการซื้อสินค้าเพื่อการใช้งานในสหรัฐมากที่สุดนั้น ได้รับผลกระทบจากกลไกการปรับตัวลดลงด้านการส่งออกมาเป็นระยะเวลาหลายไตรมาส
          ทั้งนี้ ในปี 2550 การส่งออกในภาคธุรกิจทั่วไปได้แซงหน้าการส่งออกในอุตสาหกรรมไฮเทคประมาณ 4 ต่อ 3
          อย่างไรก็ตาม นายฮวางไม่ได้ออกมาปฎิเสธว่า เศรษฐกิจของสหรัฐที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประเทศ แต่หากปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น เกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศที่มีการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนอาจได้รับผลกระทบไปด้วย ธอมสัน ไฟแนนเชียยลรายงาน