นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.02/04 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 30.03/06 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ โดยตลาดยังคงจับตาดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ สหรัฐฯ ในเรื่องการจ่ายเช็คช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งในส่วนของมูลค่ายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะปรับเพิ่มเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่จะได้คนละ 600 ดอลลาร์หรือไม่
"สัปดาห์นี้ ไม่ค่อยมีปัจจัยอะไรใหม่ ตลาดก็ยังดูเรื่องเช็คช่วยเหลือชาวอเมริกันจากผลกระทบโควิด เพราะตอนนี้เรื่องจำนวน เงินก็ยังตกลงกันไม่ได้" นักบริหารเงินระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.95 - 30.10 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.60/65 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 105.46 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2028/2035 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2035 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,516.43 จุด เพิ่มขึ้น 19.82 จุด (+1.32%) มูลค่าการซื้อขาย 94,279 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,278.03 ลบ. (SET+MAI)
- โพลล์มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนช่วงตรุษจีน ปี 64 พบว่า มูลค่าการใช้
- อาจารย์ประจำคณะเศรษฐกศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การปรับขึ้นของราคาบิทคอยน์ที่พุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรง
ทั้งนี้ จากการศึกษาการปรับตัวเพิ่มขึ้นของคริปโทเคอร์เรนซี่อื่นๆ รวมไปถึงบิทคอยน์ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับดัชนีตลาดหุ้น ค่า เงิน ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆเข้ามาวิเคราะห์ แต่พบว่าการปรับตัวขึ้นของราคาเกิดจาก Sentiment ของตลาดเป็นหลัก ดังนั้นจึงแนะนำให้ ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลให้เพียงพอก่อนที่จะเข้าลงทุน รวมถึงประเมินความสามารถในการนำเงินมาลงทุนที่จะต้องเป็นเงินที่สามารถรับผลขาดทุน ได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เงินดังกล่าวจะหายไปทั้งหมด
- คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ สรุปแผนการจัดหาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยในเร็วๆ นี้ จะได้วัคซีนจากซิโนแวก 2
- รัฐบาลนครปักกิ่ง จะแจกเงินดิจิทัลมูลค่า 200 หยวน หรือประมาณ 30 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับผู้สมัครร่วมโครงการที่ผ่าน
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเงินมูลค่า 1.1 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.701 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ ผ่าน
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นเอาไว้ที่ A พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็นลบ เนื่องจาก
- นักลงทุนติดตามข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ความคืบหน้าเกี่ยวกับการ
ผลักดันมาตรการกระตุ้นทางด้านการคลังของรัฐบาลไบเดน การกระจายวัคซีนทั่วโลก รวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องแตะ
ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ซึ่งมีผลต่อการคาดการณ์เงินเฟ้อ