นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนให้คะแนนการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาลในโอกาสครบรอบ 1 ปีในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ในระดับประมาณ 70% ซึ่งแตกต่างจากที่หลายฝ่ายมองว่าไม่ผ่าน หรือให้คะแนนในระดับ 50%
นายธนิต กล่าวว่า ภาคเอกชนส่วนใหญ่เข้าใจรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศในช่วง 2-3 เดือนแรกเน้นการแก้ไขปัญหาในอดีต รวมทั้งผู้ที่เข้ามาทำงานส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมตัวและเตรียมวางนโยบายมาก่อน ทำให้ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อทำงานอย่างกระทันหัน
อย่างไรก็ตาม มีปัญหาบางอย่างที่เอกชนมองว่ารัฐบาลยังไม่ได้แก้ไขให้ได้ตามที่คาดหวัง เช่น การแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคการค้าการลงทุน รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาลควรจะเร่งรัดดูแลแก้ไขกฎหมายต่างๆ ให้สำเร็จ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน
ส่วนสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้นั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจและความเชื่อมั่น ซึ่งภาคเอกชนมุ่งหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้งจะกอบกู้ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับคืนมา รวมทั้งตัดสินใจนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ โดยเร็ว
อนึ่ง ในวันนี้ ส.อ.ท.ได้ตั้งคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ไต้หวัน โดยมีผู้แทนจาก ส.อ.ท.และนักธุรกิจไต้หวันเพื่อร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการแลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยีระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งไทยน่าจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
นายธนิต กล่าวว่า เนื่องจากไต้หวันถือเป็นผู้นำทางด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเลคทรอนิคส์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็ก ที่ไต้หวันมีความพร้อมครบวงจร ตั้งแต่โรงถลุงเหล็กไปจนถึงอุตสาหกรรมปลายน้ำ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยอย่างมากในอนาคต
ทั้งนี้ จากสถิติตั้งแต่ปี 45- 49 มีนักลงทุนไต้หวันเข้ามาลงทุนในไทยแล้ว 269 โครงการ เป็นอันดับ 3 ในกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่ากว่า 53,000 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--