ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงเทพพณิชยการ(บีบีซี) ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ กรณีที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและรัฐจากการใช้บัตรผ่านพิเศษอนุมัติวงเงินสินเชื่อชั่วคราวกว่า 30 ล้านบาทให้แก่บริษัทลูกและบริษัทที่มีความเสี่ยง ซึ่งเป็นบริษัทของนายราเกซ สักเสนา โดยไม่ผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร
อัยการและบีบีซีร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการบีบีซี และนายเอกชัย อธิคมนันทะ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบีบีซี เป็นจำเลยในคดีนี้
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วไม่เห็นว่า จำเลยทั้ง 2 ได้รับผลประโยชน์จากการปล่อยวงเงินสินเชื่อ และหลักฐานก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอว่าจำเลยทั้งสองมีพฤติการณ์เบียดบังทรัพย์ของบีบีซี และหลังจากบีบีซีเกิดปัญหามีการตั้งฝ่ายพัฒนาหนี้เพื่อติดตามลูกหนี้ของธนาคารทั้งหมด 58 ราย ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียง 28 รายที่ค้างชำระ แสดงให้เห็นว่าบีบีซียังมีโอกาสได้รับเงินคืนจึงถือว่าจำเลยทั้ง 2 ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ศาลจึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง
นายเกริกเกียรติ เปิดเผยความรู้สึกหลังฟังคำพิพากษาว่า ยังมีกำลังใจที่จะต่อสู้คดีที่เหลือ แม้ว่าก่อนหน้านี้ศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว 4 คดี โดยให้จำคุกรวม 30 ปี และชดใช้เงินแก่บีบีซีจำนวน 3,208 ล้านบาท
นายเกริกเกียรติ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ปี 2539 บีบีซีประสบกับสภาวะขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง และธนาคารอยู่ในฐานะล้มละลาย ซึ่งตนเองก็ได้เข้าไปแก้ปัญหาโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพราะขณะนั้นทัศนคติการบริหารงานของภาครัฐกับเอกชนแตกต่างกัน ดังนั้นทุกฝ่ายต้องยอมรับถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่ผิดพลาด แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะยักยอกทรัพย์บีบีซี
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--