นักวิเคราะห์ของจีนคาดการณ์ว่า หลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอาจต้องเผชิญสถานการณ์อุปทานถ่านหินตึงตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากผู้ส่งออกถ่านหินรายหลายในเอเชียจะปรับลดเพดานการส่งออกหลังจากพวกเขามีความต้องการใช้พลังงานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มมากขึ้น
ความต้องการถ่านหินเพื่อใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงและนโยบายการยกเลิกส่วนลดภาษีส่งออกถ่านหินได้ทำให้จีนซึ่งเคยเป็นประเทศผู้ส่งออกถ่านหินกลายเป็นผู้นำเข้าถ่านหินสุทธิเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยจีนได้นำเข้าถ่านหินจำนวน 10 ล้านต่อปีนานถึง 3 ปี
ขณะที่อินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกถ่านหินไอร้อนรายใหญ่ของเอเชีย กล่าวว่า อินโดนีเซียจะเจริญรอยตามจีนในการยกเลิกส่วนลดภาษีส่งออกในอนาคตโดยตั้งเป้าลดยอดส่งออกถ่านหินลงจากระดับ 193 ล้านตันในปี 2549 มาอยู่ที่ระดับ 170 ล้านต้นในปีนี้ และจะลดการส่งออกถ่านหินลงมาอยู่ที่ 150 ล้านตันต่อปีตั้งแต่ปี 2552-2568
ด้านเวียดนามนั้นคาดว่าจะกลายเป็นผู้นำเข้าสุทธิตั้งแต่ปี 2558 แทนการเป็นผู้ส่งออกสุทธิอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากอุตสาหรรมการผลิตกระแสไฟฟ้าและปูนซีเมนต์ขยายตัวจนต้องพึ่งพาการใช้ถ่านหินกว่า 60% โดยเวียดนามจะนำเข้าถ่านหินประมาณ 3.4 ล้านตันในปี 2558 และ 197 ล้านตันในปี 2563 และเพิ่มขึ้นแตะ 874 ล้านตันในปี 2568
ในส่วนของประเทศออสเตรเลียซึ่งขณะนี้เป็นผู้ส่งออกถ่านโค้กซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ในทวีปเอเชียนั้นก็ประสบปัญหาขาดแคลนเรือจำนวนมากที่รองรับการขนส่งถ่านหิน ณ ท่าเรือส่งออกสินค้าสำคัญของประเทศทั้งในเมืองนิวคาสเซิ่ลและอ่าวดาลริมเพิล ซึ่งทำให้การส่งออกต้องเป็นไปอย่างจำกัด ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีเรือจำนวนมากจอดเทียบท่าเพื่อรอขนส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--