อคส.ตั้งคณะทำงานด้านกม.ตรวจสอบสัญญาเพรซิเดนท์ฯก่อนยื่นฟ้อง

          รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะทำงานด้านกฎหมายขององค์การคลังสินค้า (อคส.) กำลังศึกษารายละเอียดของสัญญาที่อคส.ทำกับบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด หลังจากที่ เพรซิเดนท์ฯทำผิดสัญญารับมอบข้าวกว่า 1.2 ล้านตัน ซึ่งอคส.จะดำเนินการตามกฎหมายในข้อหาผิดสัญญา และฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วย โดยสัญญาที่อคส.ทำไว้กับเพรซิเดนท์มีประมาณ 20 สัญญา 
          โดยค่าเสียหายที่อคส.จะเรียกร้องจากเพรซิเดนท์ได้นั้น แยกเป็นค่าปรับจากการผิดสัญญารับมอบข้าววันละ 0.2% ของมูลค่าข้าวที่ไม่รับมอบ ซึ่งประเมินว่าข้าว 1.2 ล้านตัน มีมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท หรือเพรซิเดนท์ต้องเสียค่าปรับวันละ 24 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังสามารถยึดเงินค้ำประกันสัญญาที่เพรซิเดนท์วางไว้อีกประมาณ 600 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเรียกเก็บค่าเช่าโกดัง ค่าปรับปรุงคุณภาพข้าว และค่าตรวจสอบคุณภาพข้าว ได้อีกประมาณเดือนละ 25 ล้านบาท หรือ 300 ล้านบาทต่อปี 
          รวมทั้งค่าส่วนต่าง กรณีที่ขายข้าวให้กับผู้ซื้อรายอื่นได้ราคาต่ำกว่าที่ขายให้เพรซิเดนท์ ซึ่งข้าวราคาตลาดขณะนี้ หักค่าเสื่อมสภาพจะอยู่ตันละ 8,700-8,900 บาท เท่ากับว่า เพรซิเดนท์ต้องจ่ายส่วนต่างตันละ 2,000-2,200 บาท หากคิดจากจำนวนข้าว 1.2 ล้านตัน จะต้องจ่ายค่าส่วนต่าง 2,400-2,640 ล้านบาท รวมแล้วเพรซิเดนท์ต้องจ่ายเงินให้รัฐกว่า 3,000 ล้านบาท
          ในสัปดาห์หน้า กรมการค้าต่างประเทศจะสรุปผลการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐที่อนุมัติขายให้ผู้ซื้อ 6-7 ราย กว่า 300,000 ตัน จากการเปิดประมูล 558,598 ตัน เสนอให้ รมว.พาณิชย์ พิจารณา โดยข้าวที่ขายเพื่อส่งออก อนุมัติขายตันละ 8,900 บาท และขายภายในประเทศ ตันละ 8,700 บาท สามารถต่องรองราคาเพิ่มขึ้นได้ตันละ 50 บาท 
          ขณะเดียวกันจะเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐเพิ่มอีก 550,000 ตันเพื่อส่งออก ซึ่งเป็นข้าวที่เพรซิเดนท์ผิดสัญญารับมอบ 
          หากสัปดาห์หน้า รัฐสามารถขายข้าวทั้ง 550,000 ตันได้ เท่ากับว่า รัฐสามารถขายข้าวที่เพรซิเดนท์ผิดสัญญารับมอบได้แล้วประมาณ 900,000 ตัน ยังเหลืออีกประมาณ 300,000 ตันเท่านั้น เมื่อเคลียร์ข้าวได้หมด อคส.ก็จะเริ่มฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ค่าผิดสัญญา และค่าปรับต่างๆ ได้