น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2563 ว่า ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2563 ขยายตัว 5.1% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยในปี 2562 สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัวได้ 2.0%
โดยสินเชื่อธุรกิจ (สัดส่วน 64.2% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวที่ 5.4% เทียบกับปีก่อนที่หดตัว -0.8% ปัจจัยหลักจากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ส่วนหนึ่งกลับมาใช้สินเชื่อแทนการออกตราสารหนี้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ขณะที่สินเชื่อ SMEs1 หดตัวในอัตราที่ลดลงจากผลของมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan)
สินเชื่ออุปโภคบริโภค (สัดส่วน 35.8% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวที่ 4.6% ลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัว 7.5% สอดคล้องกับกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยทยอยปรับดีขึ้นในทุกพอร์ตสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทั้งนี้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยยังขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามอุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะแนวราบที่ปรับดีขึ้นและแคมเปญการตลาดของผู้ประกอบการ
ด้านคุณภาพสินเชื่อ ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารพาณิชย์ ทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loan: NPL หรือ stage 3) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 523.3 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 3.12% ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk: SICR หรือ stage 2) อยู่ที่ 6.62%
ระบบธนาคารพาณิชย์ มีกำไรสุทธิในปี 2563 จำนวน 146.2 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการกันสำรองในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ต่อคุณภาพหนี้ในระยะต่อไป ประกอบกับผลของฐานสูงจากรายได้จากเงินลงทุนซึ่งเป็นปัจจัยพิเศษในปีก่อน สำหรับอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets: ROA) ลดลงมาอยู่ที่ 0.65% จากปีก่อนที่ 1.39% และอัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) ลดลงมาอยู่ที่ 2.51% จากปีก่อนที่ 2.73%
น.ส.สุวรรณี กล่าวว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุนเงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 ได้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และการผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อ และชะลอการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ปรับลดลง ซึ่งเป็นผลจากการกันสำรองในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรองรับผลกระทบของโควิด-19 ต่อคุณภาพสินเชื่อ
โดยระบบธนาคารพาณิชย์ มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,994.3 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ 20.1% เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 799.1 พันล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ 149.2% และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่ 179.6%
น.ส.สุวรรณี กล่าวว่า เท่าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด NPL อาจจะทยอยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มที่ยังช่วยเหลือไม่ได้ โดยต้องยอมรับว่าหนี้มีปัญหาที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์จะยังต้องช่วยเหลือลูกหนี้ต่อไป ดังนั้นตัวเลข NPL ยังมีแนวโน้มค่อย ๆ ทยอยออกมา แต่จะเป็นตัวเลขซึ่งอยู่ในวิสัยที่ธนาคารพาณิชย์สามารถควบคุมได้
สำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่มีความน่าเป็นห่วง คือ กลุ่มลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตรง ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งจากการติดตามพอร์ต พบว่ากลุ่มสินเชื่อธุรกิจโรงแรมมีผลกระทบที่แตกต่างกัน บางแห่งสามารถกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวได้เต็มจำนวนเท่ากับก่อนที่จะมีการระบาดระลอกใหม่ แต่กลุ่มที่เป็นห่วง คือกลุ่มที่รับเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ 100% และยังไม่สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาได้ตามปกติ
"ต้องยอมรับว่า พอร์ตโรงแรม คือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ธปท. เข้าไปคุยกับธนาคารพาณิชย์ที่มีพอร์ตลูกหนี้กลุ่มโรงแรม อยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ต้องยอมรับว่ายังอยู่ในกลุ่มที่ต้องให้ความช่วยเหลืออยู่ แต่จากการประเมินล่าสุดบางที่กลุ่มที่รับนักท่องเที่ยวได้ ก็เริ่มกลับมาจ่ายหนี้ได้ แต่อีกหลายส่วนก็ยังต้องช่วยเหลือ" น.ส.สุวรรณี กล่าว