นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ได้มาหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ถึงแนวทางการแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคม เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินในกองทุนประกันสังคมที่มีอยู่ 2.2 ล้านล้านบาท ออกมาใช้เพื่อความจำเป็นได้ในช่วงภาวะฉุกเฉิน โดยเฉพาะเงินในกองทุนชราภาพ ที่มีอยู่ 1.8 ล้านล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายมีข้อบังคับไม่ให้นำเงินไปใช้นอกวัตถุประสงค์ หรือนำออกมาใช้ก่อนเกษียณอายุ
โดยภายในสิ้นเดือน ก.พ.64 กระทรวงแรงงานจะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคมทั้งระบบ หลังจากนั้นจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
ขณะที่ รมว.คลัง กล่าวเพียงว่า ขอให้กระทรวงการแรงงานไปศึกษาแนวทางให้รอบคอบก่อน โดยขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้มีการพิจารณาอะไร
นายสุชาติ ยังกล่าวด้วยว่า ได้หารือกับ รมว.คลัง ถึงแนวทางในการช่วยเหลือแรงงานที่เป็นผู้ประกันตนในกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ที่เข้าร่วมโครงการ "ม33 เรารักกัน" ให้สามารถลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 4,000 บาทได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากแรงงานกลุ่มนี้ มีความกังวลว่าหากหมดเขตการลงทะเบียนแล้วจะไม่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
"จากการสอบถามข้อมูลฝ่ายบุคคล บริษัทด้านการเกษตรขนาดใหญ่ พบว่ามีพนักงานไม่มีสมาร์ทโฟนกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้อายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ประสานกับธนาคารกรุงไทย และสำนักงานประกันสังคมจังหวัด เพื่อไปตั้งโต๊ะรับลงทะเบียนตามโรงงานต่างๆ แต่หากมีจำนวนไม่มาก ก็ให้ไปลงทะเบียนที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด" รมว.แรงงานระบุ
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า โครงการ ม33 เรารักกัน เป็นสิทธิเฉพาะตัว ซึ่งผู้ที่ได้รับสิทธิไม่ต้องรีบมาลงทะเบียนและไม่ต้องรีบยืนยันสิทธิ โดยยังสามารถทยอยลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 7 มีนาคม 2564 และยังสามารถกดรับสิทธิ์ได้จนถึงวันที่ 12 เม.ย.2564 แต่ต้องใช้เงินให้หมดภายในวันที่ 31 พ.ค.64
ทั้งนี้ จากมาตรการ "ม33 เรารักกัน" ซึ่งใช้งบราว 37,000 ล้านบาท จากจำนวนผู้ประกันตน 9 ล้านกว่าคน จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 5-7 รอบ ส่งผลให้คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้เติบโตได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเงินที่รัฐบาลให้ ไม่ใช่เงินสดแต่เป็นเงินที่ต้องใช้จ่ายทันที