นายกรัฐมนตรี จอห์น โฮเวิร์ด แห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า ภัยแล้งครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษของออสเตรเลีย ได้ส่งผลต่อเขตพื้นที่เพาะปลูกอาหารที่สำคัญของประเทศ และอาจทำให้ไร่สวนและแหล่งเพาะปลูกองุ่นสำหรับทำไวน์ตาย
โฮเวิร์ด กล่าวว่า การที่ฝนทิ้งช่วงส่งผลให้พืชยืนต้น อาทิ ผลไม้และต้นองุ่นเหี่ยวเฉาลง ขณะที่แอ่งเมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง ขาดแคลนน้ำขั้นรุนแรง ซึ่งทางการกำลังกำลังแก้ไขวิกฤตการณ์นี้อยู่
"ปริมาณน้ำที่สะสมในแหล่งชลประทานยังคงอยู่ในระดับศูนย์หรือระดับต่ำมากที่สุด ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าแหล่งกักเก็บน้ำมีปริมาณต่ำเป็นประวัติการณ์ และปริมาณน้ำที่กักเก็บได้ในขณะนี้ก็ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างยิ่ง" โฮเวิร์ด กล่าวปราศรัยผ่านทางวิทยุประจำสัปดาห์
"วิทยาศาสตร์การเพาะปลูก และอุตสาหกรรมอื่นๆที่พึ่งพาน้ำ ต่างได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุด และมีความเสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าว่า พืชยืนต้นจะล้มตายลง" นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าว
แอนดรูว์ เกรกสัน สมาชิกสภาการชลประทานนิวเซาท์ เวลส์ กล่าวว่า พืชกำลังล้มตาย และหากพืชยืนต้นเหล่านี้ตาย ไม่เพียงแต่เกษตรกรต้องเพาะปลูกขึ้นใหม่เท่านั้น พวกเขายังต้องรออีกหลายปีกว่าพวกมันจะผลิดอกออกผลอีกครั้ง
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า แอ่งเมอร์เรลย์-ดาร์ลิ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกอาหารสำคัญของออสเตรเลีย โดยคิดเป็น 41% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์เกษตรรวม นอกจากนี้ ภัยแล้งไม่ได้จำกัดวงอยู่แต่ในแอ่งเพาะปลูกนี้ แต่ภาวะขาดแคลนน้ำเกิดขึ้นในแทบทุกเมืองใหญ่ของออสเตรเลีย
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โฮเวิร์ด ได้เสนอของบประมาณพิเศษ 430 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเพื่อช่วยบรรเทาภัยแล้ง และวันศุกร์นี้รัฐบาลได้ประกาศผ่อนคลายกฎสำหรับเกษตรกรในการขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--